ผมเจอเคสนึงที่มีคนถามไปยัง QNAP Thailand ว่า เจอปัญหากับ QNAP NAS เวลาที่ชัตดาวน์ตัว NAS แล้ว และเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์เก่าออกมาสองลูก แล้วใส่ของใหม่เข้าไปสองลูก ปรากฏว่าการตั้งค่าต่างๆ ที่ได้ทำเอาไว้บน QNAP NAS นี่หายหมดเลย ต้องเริ่มต้นกันใหม่ตั้งแต่กระบวนการ Initialize NAS เลยทีเดียว ทำกี่ทีๆ ก็เป็นอาการเดิม ทำไมมันเป็นยังงั้นล่ะ? บล็อกตอนนี้จะมาอธิบายให้อ่านกันครับ
ด้วยความที่สมัยนี้พวกไฟล์ข้อมูลต่างๆ มันมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก คนเราเองก็ถ่ายรูปและวิดีโอเก็บไว้เยอะมาก ไหนจะมีคนที่ดาวน์โหลดพวกหนังมาเก็บไว้ดูทีหลังอีก NAS ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น พวกบริษัทห้างร้านต่างๆ ก็หันมาใช้ NAS เพื่อเก็บข้อมูลกันเยอะ SMEs หลายรายที่ผมรู้จัก ก็ซื้อ QNAP NAS นี่แหละ มาใช้งานกัน แต่เรื่องนึงที่ผมเจอประจำก็คือ ยังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง NAS น้อยมากครับ
สำหรับบล็อกตอนนี้ ผมจะมาทำความเข้าใจเรื่องนึงที่สำคัญมาก และผู้ใช้ QNAP NAS ก็ยังเข้าใจผิด และนำไปสู่การเสียเวล่ำเวลาทำมาหากิน นั่นก็คือ การเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ทีสองลูกขึ้นไป แล้วระบบล่มไปเลย ต้องเริ่มทำใหม่หมด เผลอๆ ข้อมูลก็สูญหายด้วย … ทำไมถึงเป็นยังงี้ อ่านต่อเลยครับ มีคำตอบให้
RAID1 หรือ RAID5 ยอมให้เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ได้ทีละลูกเท่านั้นนะฮะ
เชื่อว่าหลายๆ คนที่ซื้อ NAS มาใช้ ส่วนนึงก็คืออยากให้มั่นใจว่าข้อมูลที่เก็บเอาไว้มันจะไม่สูญหายไปไหนง่ายๆ แม้ฮาร์ดดิสก์จะเจ๊งไปบ้าง ข้อมูลก็น่าจะยังต้องอยู่ (อ่านบทความเรื่องการวางแผนแบ็กอัพบน QNAP NAS) แต่สิ่งนึงที่คนไม่เข้าใจ และเผลอๆ ร้านที่ขาย หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ไอทีในบริษัทเองก็ยังอาจจะไม่ทันเข้าใจก็คือ RAID1 กับ RAID5 มันช่วยป้องกันเรื่องข้อมูลสูญหายในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เสียแค่ลูกเดียวนะครับ เพราะโดยหลักการแล้ว RAID1 กับ RAID5 มันสำรองข้อมูลกันแบบนี้
- RAID1 สำรองข้อมูลโดยการโคลนข้อมูลทั้งหมดจากฮาร์ดดิสก์ลูกหลักมาที่ลูกสำรอง ดังนั้นหากฮาร์ดดิสก์พังทั้งคู่ RAID1 ก็จะล่มเลยครับ
- RAID5 จะกันเนื้อที่บางส่วนของฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกเอาไว้ แล้วทำการเก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกไว้ในเนื้อที่ส่วนนี้ แต่ละลูกก็จะมีข้อมูลสำรองเอาไว้ เกิดมีลูกไหนเจ๊งไป ข้อมูลก็ยังอยู่รอดได้ แต่ด้วยความที่ต้องไม่ให้มันกินเนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์มาเกินไป ก็เลยทำให้สำรองข้อมูลเอาไว้แค่เฉพาะเผื่อฮาร์ดดิสก์พังลูกเดียว ถ้าเกิดพังสองลูกหรือมากกว่าขึ้นมา RAID5 ก็ล่มฮะ
ฉะนั้น เวลาที่เกิดจะเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ สำหรับ RAID1 แน่นอนอยู่แล้วว่าเปลี่ยนได้แค่ลูกเดียว ส่วน RAID5 ก็เช่นกัน เปลี่ยนได้แค่ลูกเดียวนะครับ และคำว่าเปลี่ยนทีละลูกเดียวนี่หมายความว่า เปลี่ยนของเก่าออกมาแล้ว ใส่ของใหม่เข้าไป ต้องรอให้มัน Rebuild RAID ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนนะครับ ถึงจะถอดอีกลูกออกมาเปลี่ยนได้ … เป็นตรรกะพื้นฐานมาก เพราะว่าจะต้องรอให้ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ลูกเดิม (ที่ถูกเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ลูกอื่น) ถูกก็อปปี้กลับเข้าไปในฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ที่เปลี่ยนเข้าไปหมาดๆ เสร็จก่อน ถึงจะถอดลูกอื่นเปลี่ยนได้ไง
QNAP NAS มีการเก็บการตั้งค่าของระบบเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วยนะ
อันนี้เป็นอะไรที่หลายคนไม่ทราบ และ QNAP ก็ไม่ได้มีการอธิบายเรื่องนี้เอาไว้ชัดเจนด้วย แต่มันมีฟีเจอร์นึงที่ QNAP NAS เขามีไว้อำนวยความสะดวกผู้ใช้งานเวลาจะอัพเกรด ย้ายจาก QNAP NAS ตัวนึงไปอีกตัวนึงโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่มเติมเลย นั่นคือ Online RAID Migration ครับ เวลาที่จะย้าย ก็แค่ถอดฮาร์ดดิสก์ออกมาทุกลูก แล้วเอาไปใส่ QNAP NAS อีกตัว โดยเรียงลำดับฮาร์ดดิสก์ให้ถูกต้อง แค่นี้ก็เปิดใช้เครื่องใหม่ได้เลย
แต่เพื่อให้สามารถทำแบบนี้ได้ QNAP ก็เลยออกแบบให้มีการเก็บพวกการตั้งค่าต่างๆ ของระบบเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วย ฉะนั้น หาก RAID1 หรือ RAID5 ล่มละก็ ข้อมูลก็หายหมดครับ QNAP NAS ก็จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้น คือ ต้อง Reinitialize NAS ใหม่นะครับ
ฉะนั้นจำไว้… ทำ RAID1 หรือ RAID5 อย่าถอดฮาร์ดดิสก์ออกเกิน 1 ลูก
อ่านบล็อกนี้ถึงตรงนี้แล้ว จำขึ้นใจไว้เลยนะครับ ถ้าทำ RAID1 หรือ RAID5 แล้ว อย่าถอดฮาร์ดดิสก์ออกเกิน 1 ลูกนะครับ RAID ล่มแล้ว เดี๋ยวจะป่วนเอา ถ้าอยากจะถอดออกได้มากกว่า 1 ต้องทำ RAID6 แล้วละครับ แต่มันก็ได้แค่สองลูกนะ เกินกว่านั้นก็ไม่ได้อยู่ดีนะครับพี่น้องครับ RAID6 ก็ล่มได้เหมือนกันนะครับ ถ้าปิดเครื่องอยู่แล้วถอดออก แล้วใส่กลับเข้าไปก่อนเปิดเครื่องยังโอเค แต่ถ้าเปิดเครื่องแล้วคือจบกันนะครับ แต่ถ้าเปิดเครื่องอยู่แล้วถอดออกมาก็คือจบเกมเลย