พอพูดถึงสมาร์ทวอทช์แล้ว เดี๋ยวนี้มีตัวเลือกเยอะมาก ที่ฮิตๆ กันก็หนีไม่พ้น Apple Watch แน่นอน ตามมาด้วยพวก Samsung, Xiaomi, Garmin หรือ Fitbit แล้วปิดท้ายด้วยพวก Android Wear อื่นๆ ซึ่งพวกเนี้ย มันมีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเองกัน Apple มี WatchOS, Samsung มี Tizen ไรงี้ แต่ที่จีนเนี่ย เขาก็ฮิตอีกรูปแบบนึง ซึ่งเมื่อก่อนพวกฝรั่งเคยพยายามทำกันบน Crowdfunding นั่นก็คือ สมาร์ทวอทช์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันสำหรับสมาร์ทโฟนเลย พอดีเว็บ Banggood เขาส่งมา ZeBlade Thor 4 Pro มาให้ลองเล่น ก็ถือโอกาสรีวิวให้อ่าน เผื่อใครสนใจจะลองสั่งมาเล่นบ้างครับ เพราะสนนราคาสามพันกว่าๆ ถือว่าไม่โหดมาก สามารถจัดมาเล่นมาลอง หาประสบการณ์ได้
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
ZeBlade Thor 4 Pro ตัวนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อจากเว็บไซต์ Banggood ซึ่งเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ขายของต่างๆ คล้ายๆ กับพวก Gearbest อะครับ คือ ไม่ได้มีฐานบริษัทในประเทศไทย แต่ก็มีความตั้งใจเจาะตลาดไทยอยู่เหมือนกัน สังเกตได้จากการที่มีการแปลเว็บไซต์เป็นภาษาไทยเลย และคนที่ติดต่อผมเพื่อส่งของมาให้รีวิว แม้จะไม่ใช่คนไทย แต่ก็พิมพ์ไทยคุยกันคล่องมาก แต่อย่างไรก็ดี เนื้อหาและความเห็นทั้งหมดที่ปรากฏในบล็อกตอนนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ทาง Banggood ไม่ได้เข้ามากำหนดกะเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากขอให้ผมแปะลิงก์ไปยังหน้าขายสินค้าเท่านั้นครับ ซึ่งหากท่านใดอ่านแล้วสนใจอยากซื้อ ก็สามารถกดได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่ากัน
แกะกล่องดู ZeBlade Thor 4 Pro
แม้จะส่งมาจากประเทศจีน แต่ไม่ล่าช้าแต่อย่างใดนะครับ ส่งของมาค่อนข้างเร็วทีเดียว แต่ก็ต้องทำใจนิดนึงเรื่องสภาพกล่องที่บุบนิดหน่อย อันเป็นผลมาจากการขนส่ง แต่ของด้านในไม่มีปัญหาอะไร และสมกับที่เป็นของมูลค่าสามพันกว่าบาทครับ วัสดุที่ใช้ในการผลิต งานประกอบ คือดีมากทีเดียวเลยแหละ ขนาดหน้าจอแสดงผล 1.6 นิ้ว (หมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลาง) เทียบแล้วก็ราวๆ 42 มม. ครับ มีการติดฟิล์มกันรอยแบบ TPU มาให้เรียบร้อยแล้ว ขนาดของฟิล์มตรงรุ่นเป๊ะ ติดเป๊ะมาก และผมเห็นด้วยกับการติดกันรอยมาให้เลย เพราะแม้ว่าหน้าจอกระจกจะเป็น Gorilla Glass 3 และนาฬิกาก็ไม่ค่อยได้ไปเสี่ยงโดนขูดขีดอะไรบ่อยๆ แต่ใส่ไปนานๆ มันก็เกิดขึ้นกันได้ครับ Fitbit Ionic ผมนี่เรียบร้อยไปแล้ว ยังเสียดายไม่หายเลยเหอะ

ผมเป็นคนชอบหน้าปัดนาฬิกาใหญ่ๆ อยู่แล้ว ขนาด 42 มม. นี่กำลังเหมาะเลยครับ (เขาว่าเหมาะกับคนขนาดข้อมือ 6-7 นิ้ว) แต่มีข้อสังเกตว่า ด้วยความที่เจ้านี่ต้องใส่อะไรต่อมิอะไรเข้าไปเยอะแยะ เลยทำให้ตัวเรือนมีความหนามากกว่านาฬิกาขนาด 42 มม. ทั่วไป ที่จะหนาราวๆ 7-8 มม. เพราะเจ้านี่หนาถึง 15.7 มม. เลยทีเดียว ฉะนั้น ใส่แล้วดูยิ่งใหญ่มาก

ตัวที่ผมได้มารีวิว ตัวเรือนเป็นอลูมิเนียมสีดำ กับสายนาฬิกาสีดำ ซึ่งดีไซน์ออกแนวหรูนิดนึง คือ ด้านที่หันออกด้านนอกเป็นหนัง (เขาว่าเป็นหนังอิตาลี) ห่วงรัดสายนาฬิกาก็เป็นหนัง ฉะนั้นมองจากภายนอก เรากำลังใส่นาฬิกาสายหนังครับ แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นแผ่นหนังเย็บติดกับสายซิลิโคนครับ แต่โดยรวมก็ยังดูดีทีเดียว ไม่เชื่อดูภาพถ่ายได้ แต่ถ้าใครไม่ชอบสายแบบนี้ ไปหาซื้อมาเปลี่ยนเองได้ ผมเข้าใจว่าตัวสลักล็อกสายนาฬิกามันเหมือนกับนาฬิกาทั่วไป

ตรงด้านขวาของตัวเรือน มีสิ่งที่เหมือนปุ่มอยู่สามตุ่มฮะ ไม่ใช่เม็ดมะยมนะ อันบนเป็นปุ่ม Power ส่วนอันล่างเป็นปุ่ม Back แบบของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ สำหรับตรงกลาง เป็นเลนส์กล้องดิจิทัลครับ ความละเอียดก็ 5 ล้านพิกเซลครับ

ส่วนด้านหลังของตัวเรือน จะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และมีถาดใส่ซิมที่มีฝาปิดมิดชิด ซึ่งดูในภาพรวมแล้ว งานประกอบค่อนข้างมิดชิดดี น่าจะกันน้ำกันฝุ่นดี แต่ที่น่าตกใจคือ เจ้านี่ไม่ได้มีการประกาศรองรับมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นใดๆ เลย ตรงนี้ผมเข้าใจว่าไม่ยอมส่งไปทดสอบการกันน้ำกันฝุ่นมาครับ แต่จริงๆ มันน่าจะกันน้ำกันฝุ่นได้ประมาณ สมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น หรืออาจจะดีกว่า เพราะผมไม่เห็นรูหรือช่องอะไรที่น้ำจะเข้าได้ มันน่าจะกันน้ำกระเซ็น หรือฝนตกได้ประมาณนึงล่ะ

ในการชาร์จแบตเตอรี่ มันจะมีสายชาร์จที่เป็นหัวแม่เหล็ก ซึ่งล็อกติดกับตัวเรือนได้ง่าย แต่แม่เหล็กไม่ได้แรงมาก ฉะนั้นตอนที่กำลังชาร์จแบตเตอรี่อยู่ ต้องให้มันนิ่งๆ หน่อย จะดีครับ

นอกจากนี้ ตัว ZeBlade Thor 4 Pro ก็มีลำโพง Built-in มาให้ด้วย อยู่ตรงด้านล่างของตัวเรือน ส่วนมุมบนด้านซ้ายมือ มีรูเล็กๆ อยู่ นั่นคือรูไมโครโฟน ทำให้เราสามารถสนทนาโทรศัพท์ หรือเปิดเพลงฟัง ดู YouTube ได้ โดยไม่ต้องต่อหูฟังไร้สายใดๆ
ลองเล่น ZeBlade Thor 4 Pro
ที่ผมสนใจคือ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มันสำหรับสมาร์ทโฟนที่จอเป็นสี่เหลี่ยม แต่เจ้านี่เป็นจอกลม มันจะเล่นกันยังไง ตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ติดตั้งมาให้ เป็น Android 7.1.1 ซึ่งไม่ถือว่าเป็นรุ่นใหม่สุด แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก สำหรับการใช้งานทั่วไปในแบบที่ผมอยากลอง (เล่นโซเชียลมีเดีย ท่องเว็บ ดู YouTube ฟังเพลง ไรงี้) จากที่ลองเปิดใช้งานดู เจ้านี่ถูกออกแบบให้ User Interface พื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดนาฬิกาหรือเมนูต่างๆ รองรับการแสดงผลแบบหน้าจอกลมเรียบร้อย

อย่างไรก็ดี การแสดงผลที่เห็น มันคือการแสดงผลแบบสี่เหลี่ยมอยู่ดีครับ เพียงแค่พวก UI ของตัวนาฬิกา มันถูกออกแบบให้ตรงมุมทั้งสี่ด้าน ไม่มีข้อมูลใดๆ อยู่เลย พยายามจัดองค์ประกอบทุกอย่างให้เป็นวงกลมตรงกลางเท่านั้นเอง แต่เวลาเอาไปใช้งานกับแอปอื่นๆ มันก็จะมีปัญหา เพราะว่าแสดงผลออกมาแล้ว เนื้อหาตรงมุมๆ มันหายไปเลยครับ

ฉะนั้น วิธีที่ถูกต้องในการใช้งาน ก็คือ เปิดโหมดการแสดงผลแบบจอสี่เหลี่ยม ซึ่งจะทำให้เวลาเปิดแอปทั่วไป มันจะแสดงผลแบบสี่เหลี่ยม แน่นอนว่าอะไรต่อมิอะไรมันก็จะหดเล็กลงไปอีกหน่อย แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมายอะไรนัก แต่มันทำให้เราสามารถเข้าถึงทุกส่วนของแอปได้อย่างไม่มีปัญหา และในขณะเดียวกัน พวก UI อื่นๆ ของตัวนาฬิกาเอง ก็ยังคงแสดงผลแบบวงกลมเต็มจออยู่ดี ตรงนี้ถือว่าทำออกมาได้โอเคอยู่

เจ้านี่มีการติดตั้ง Google Play Store มาให้เรียบร้อยครับ ดังนั้นสามารถดาวน์โหลดแอปต่างๆ มาได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ต้องพึงระลึกเอาไว้เสมอว่าสเปกมันแค่ CPU MediaTek MTK6379 Quad-core 1.25GHz แรม 1GB ความจุ 16GB (ใช้ได้จริงราวๆ 9GB) เท่านั้นนะครับ จะติดตั้งอะไรก็เกรงใจกันบ้าง ROV หรือ PUBG นี่ผ่านไปได้เลยนะ (จอเล็กๆ เล่นไม่มันหรอก เชื่อผม) แต่ผมตั้งข้อสังเกตว่าตามสเปกแล้ว เจ้านี่รองรับ 2G/3G/4G สบายๆ และย่านที่มันรองรับ ก็รองรับกับซิมประเทศไทยซะด้วย แต่ผมแปลกใจว่า ตอนเอาซิมทรูมาใส่ มันกลับเชื่อมต่อกับเครือข่าย 4G ไม่ได้นี่สิ แปลกใจ แต่สเปกมันรองรับจริงๆ นะ เช็ก Band แล้ว ฉะนั้น ถ้าซื้อมา อย่าคาดหวังมากกับเรื่อง 4G นะครับ แต่จากที่ลองใช้ 3G (ของ Truemove H) ดาวน์โหลดโน่นนี่นั่น ฟังเพลง Apple Music ก็ราบรื่นดี ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อใส่ซิมได้ ก็คือเป็นโทรศัพท์ได้ครับ สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้เลย มันมีไมโครโฟนและลำโพงอยู่ในตัว ชวนให้นึกถึงตอนใช้ Samsung Galaxy Gear รุ่นแรกเลยแฮะ (แต่ของ Gear รุ่นแรกมันใช้การโทรจากสมาร์ทโฟน แค่ส่งเสียงผ่านบลูทูธ แต่เจ้า ZeBlade Thor 4G Pro นี่ตัวมันเป็นโทรศัพท์เองเลย) แต่ความเป็นส่วนตัวนี่ไม่เหลือเลยครับ เพราะคนรอบข้างได้ยินเราหมด (ฮา) แนะนำว่าเชื่อมมันกับหูฟังบลูทูธจะดีกว่า

สำหรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำผ่านแอปชื่อ WiiWatch 2 ซึ่งมีให้เลือกทั้งบน Android และ iOS แต่จากที่ผมลองใช้ๆ ดู แอปบน Android ดูจะใช้งานแล้วเวิร์กกว่าครับ ผมเองก็เอามาต่อกับ Android smartphone ของผมนี่แหละ แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมากหรอกครับ เพราะตัว ZeBlade Thor 4G Pro นี่แทบจะเป็น Standalone ได้สบายๆ การดาวน์โหลดรูปหน้าปัดนาฬิกามาเพิ่ม หรือการดูข้อมูลการออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องทำผ่านแอปเลย ถ้าจะเชื่อมต่อกับแอป ก็ทำเพราะอยากให้ Notification จากสมาร์ทโฟนมันไปเด้งขึ้นบนนาฬิกามากกว่า แต่ก็อีกนั่นแหละ การแจ้งเตือน มันเป็นการเด้งของ Notification บน Android ทีเดียวเอง ไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรมาก เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอทช์อื่นๆ

หน้าปัดนาฬิกา มีให้เลือกเยอะอยู่ และดาวน์โหลดเพิ่มเองได้จากตัวนาฬิกาเลย แค่แตะค้างเอาไว้ แล้วก็ไปเลือกลายที่ต้องการ หรือจะแตะเครื่องหมายบวก เพื่อไปดูลายอื่นๆ เพื่อดาวน์โหลดเพิ่มได้ด้วย
หน้าจอขนาดเล็ก แต่จากที่ผมลองใช้ดู ก็เล่นพวก Facebook, Twitter ท่องเว็บ พิมพ์โน่นนี่นั่นได้ไม่ติดปัญหาอะไรมาก นี่ขนาดนิ้วมือผมใหญ่นะ แต่มันก็ไม่ได้สะดวกมากเท่าไหร่อยู่ดี เพราะอะไรต่อมิอะไรมันก็เล็กไปหมด แต่มันก็เหมาะสำหรับเวลาที่เราแบบ นั่งประชุม นั่งกินข้าว แล้วอยากจะเปิดสมาร์ทโฟนมาดูหน่อยว่า Facebook หรือ Twitter มีอะไรใหม่ๆ บน Timeline บ้าง ไรงี้ แต่ที่เหมาะที่สุด ผมว่าคือ ฟังเพลง หรือ ฟังพวก Podcast อะ คือ พอมันเป็นนาฬิกา เราก็คลิกนั่นแตะนี่ เปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยๆ ได้สะดวกกว่าการหยิบสมาร์ทโฟนมากดเปลี่ยน

แต่ข้อจำกัดสำคัญของการใช้งานคือ แบตเตอรี่ ครับ เจ้านี่ให้มา 600mAh ซึ่งเป็นปกติของพวกสมาร์ทวอทช์ที่แบตเตอรี่ไม่ต้องเยอะมาก แต่ด้วยความที่เจ้านี่มันคือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เต็มตัว ต่อให้ความละเอียดหน้าจอจะแค่ 320×320 พิกเซลก็เหอะ 600mAh นี่ไม่พออะ จากที่ผมลองใช้งานมา 1 สัปดาห์ โดยใส่ซิมใช้งานด้วยพบว่า ถ้าเกิดไม่ได้ใช้งานอะไรเยอะก็พอจะอยู่รอดตั้งกะเช้า มาชาร์จแบตเตอรี่ตอนก่อนนอนได้ แต่ถ้าเกิดมีการใช้งานด้วย คงต้องชาร์จกลางวันที กลางคืนที แถมตอนกลางคืนที่ชาร์จ ควรจะปิดเครื่องด้วยนะ เพื่อที่แบตเตอรี่จะได้ไม่ลดในตอนกลางคืน (และจะได้ไม่ต้องชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืน ซึ่งไม่ดี)

กล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีไว้เป็นกิมมิก เอาไว้แอบถ่ายก็ไม่ได้ เพราะเขาตั้งค่าเอาไว้ให้มีเสียงลั่นชัตเตอร์ ปิดไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะไม่งั้นเดี๋ยวคนก็ซื้อเอาไปแอบถ่าย เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนะครับ … ส่วนคุณภาพ ก็ตามที่เห็นในรูปด้านบนครับ สีของภาพติดม่วง ความละเอียดไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่ ก็บอกแล้วว่ามีไว้เป็นกิมมิก
บทสรุปการรีวิว ZeBlade Thor 4G Pro
โดยภาพรวมแล้ว ถ้าจะใช้เจ้านี่ ต้องคิดซะว่ามันคือคนละอย่างกับสมาร์ทวอทช์ที่เราคุ้นเคยครับ มันคือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เต็มขั้น และ User Interface รองรับการใช้งานในฐานสมาร์ทวอทช์แค่บางส่วนเท่านั้น แต่สิ่งที่แลกมาก็คือ มันมีความสามารถเกือบจะเทียบเท่าสมาร์ทโฟนจริงๆ (แต่ใช้ยากกว่า) ตัวนาฬิกาสวยดี ใส่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายๆ ล่ะ สนนราคา ณ ตอนที่เขียนบล็อกนี้อยู่ก็ 3,420 บาทครับ (ราคาเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราแลกเปลี่ยน) ใครสนใจ ก็คลิกปุ่มด้านล่าง สั่งซื้อจาก Banggood.com ได้ ค่าส่งฟรีสำหรับตัวนี้