ข่าวนี้เป็นข่าวเก่า เผยแพร่ทาง South China Morning Post เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ผมคิดว่าน่าจะเอามาเผยแพร่ไว้เป็นอุทาหรณ์ซักหน่อย เผื่อใครที่เดินทางไปเที่ยว ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วเลือกจะจองห้องพักผ่านทางบริการของ Airbnb เพราะจะได้ที่พักราคาประหยัดหน่อย คือ อยากให้ทำการตรวจสอบห้องให้ถ้วนถี่ซักนิด ไม่งั้นอาจสูญเสียความเป็นส่วนตัวโดยไม่รู้ตัวนะครับ
เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อมีสุภาพสตรีรายหนึ่ง ที่ขอใช้ชื่อเรียกว่า หยุนเฟย (Yunfei) ซึ่งทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนทเศบนอินเทอร์เน็ต เปิดเผยกับ Beijing Yuth Daily ว่าเธอได้ไปพักที่แฟลตแห่งนึงในเมืองชิงเต่า (Qingdao) ที่อยู่ทางตอนใต้ของมณฑลซานตง ของประเทศจีน ซึ่งเธอจองที่พักนี้ผ่าน Airbnb และชายเจ้าของห้องพักแห่งนี้อยู่ในรายชื่อของ Superhost ซึ่งอ้างอิงจาก Airbnb แล้ว แสดงว่าชายคนนี้เป็น “เจ้าของห้องที่มากประสบการณ์ ผู้มอบประสบการณ์อันแสนพิเศษให้แก่แขกที่มาพัก เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเจ้าของห้องรายอื่นๆ”
แต่ด้วยความที่หยุนเฟยเธอทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัย ทำให้เธอสังเกตถึงความผิดปกติของห้องพักตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเข้าไปในห้องพักเลย นั่นก็คือ เธอพบว่ามีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวไว้ที่ทางเข้า แล้วก็มีอีกสองตัว แต่ละตัวอยู่ในห้องนอนแต่ละห้อง ซึ่งเธอว่ามันแปลกๆ เพราะในห้องนั้นก็ดูไม่ได้มีการปรับปรุงให้รองรับระบบสมาร์ทโฮม (Smart home) แต่อย่างใด
แล้วเซ็นเซฮร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวมันเกี่ยวอะไรกับสมาร์ทโฮม?
คืองี้ครับ สมาร์ทโฮม หรือ ระบบบ้านอัจฉริยะ จะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยควบคุมให้อะไรหลายๆ อย่างในบ้าน สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติได้โดยการรับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ หรือ สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอป หรือพวกผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Siri, Alexa หรือ Google Assistant ได้ อะไรแบบนี้
เซ็นเซอร์ต่างๆ จะช่วยสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้โดยอัตโนมัติได้ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิป้อนข้อมูลให้ระบบ Thermostat เพื่อปรับอุณหภูมิของห้องให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ, เซ็นเซอร์รับแสงสั่งงานหลอดไฟให้เปิดเมื่อถึงเวลาค่ำ หรือ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว อาจจะเอาไว้สั่งเปิดสัญญากันขโมย หรือ สั่งให้ระบบสมาร์ทโฮมอื่นๆ เริ่มทำงาน เพราะเมื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ แสดงว่ามีคนอยู่ เป็นต้น
ทีนี้พอหยุนเฟยมองว่า เมื่อไม่น่าจะมีระบบสมาร์ทโฮม แต่ดันมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว มันอาจจะหมายถึงการแอบซ่อนกล้องเอาไว้แอบถ่าย แล้วใช้เซ็นเซอร์เป็นตัวสั่งเพื่อให้กล้องเริ่มบันทึกก็ได้ เธอก็เลยหันเซ็นเซอร์เข้าหากำแพงแล้วเอาสติกเกอร์มาปิดทับไว้ ให้ตรวจจับอะไรไม่ได้ จากนั้นเธอก็ลองไปค้นๆ ดูตรงเครื่องตรวจควันบ้างล่ะ ทีวีบ้างล่ะ เพราะสองจุดนี้มักจะเป็นที่ที่กล้องถูกซ่อนอยู่ จากนั้นเธอก็ถอดปลั๊กทีวีออก แล้วขณะที่เธอหันไปหยิบ Router ขึ้นมานั่นเอง เธอก็สังเกตถึงความผิดปกติของ Router
เธอพบว่าการจัดเรียงของสายสัญญาณมันผิดปกติ แล้วพอเอากล่อง Router มาเทียบกับรูปภาพของผลิตภัณฑ์ดู เธอก็พบว่าตัวกล่อง Router นี้ถูกดัดแปลงไป เธอก็เลยเอาไขควงมาไขเพื่อแงะดูข้างใน แล้วก็พบว่า ภายใน Router มันมี MicroSD card ซึ่งเอาไว้เก็บบันทึกภาพวิดีโอที่ถูกแอบถ่ายผ่านกล้องที่ซ่อนอยู่ใน Router เอาไว้อยู่ด้วย
เรื่องมันจบลงด้วยการที่หยุนเฟยโทรแจ้งตำรวจ แล้วชายเจ้าของแฟลตก็ถูกควบคุมตัวไปกักขังเป็นเวลา 20 วัน ข่าวเขาว่ายังงั้น ส่วน Airbnb ก็ดูจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษมากกว่าออกมาขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและทำการถอดชื่อแฟลตนั้นออกจากรายชื่อที่พักใน Airbnb (แค่นั้นเอง จริงดิ) อย่างไรก็ดี จากข้อมูลในเว็บไซต์ Gizmodo.com ที่เผยแพร่ข่าวนี้เช่นกัน ก็บอกว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีครอบครัวนึงก็ไปเจอกล้องหลายตัวถูกซ่อนเอาไว้ในที่พักที่พวกเขาไปพักอาศัย

และดูเหมือนจะยาก ที่ Airbnb จะเข้ามาป้องกันเรื่องพวกนี้ไม่ให้เกิด เพราะโดยภาพรวมแล้ว Airbnb จะทำหน้าที่เป็นเหมือนสื่อกลางในการที่ให้ผู้ใช้บริการมาพบกับผู้ให้บริการซะมากกว่า มันเป็นการยากที่ Airbnb จะเข้าไปตรวจสอบคุณภาพของผู้ให้บริการได้ทุกคนจริงๆ และด้วยความที่เคสของหยุนเฟยนี่ ตัวการคือผู้ให้บริการที่ได้เกรดเป็น Superhost ที่น่าจะช่วยให้ผู้ใช้บริการวางใจได้ด้วยซ้ำ ดังนั้น หนทางป้องกันที่ดีที่สุดคือ หัดช่างสังเกตแบบหยุนเฟย และตรวจสอบทุกตารางนิ้วในห้องพักให้ดีก่อน ว่าไม่มีกล้องแอบซ่อนอยู่ เพราะเดี๋ยวนี้กล้องมันเล็ก แอบซ่อนง่ายมาก มีทั้งแบบที่ซื้อมาแล้วเอาไปติดตั้งซ่อนที่ไหนๆ ก็ว่าไป หรือแบบที่สำเร็จรูป ซ่อนให้เสร็จสรรพอยู่ในนาฬิกาปลุกงี้ หลอนไฟงี้ ปลั๊กไฟงี้ ไว้ใจได้ยากครับ