จากนั้น หากคุณมีงบมากขึ้น QNAP NAS ที่คุณใช้มี 3-bay ขึ้นไป รองรับ RAID5 ผมก็อยากแนะนำให้ทำ RAID5 ครับ เพราะมันให้การป้องกันข้อมูลสูญหายจากกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เสียได้สูงสุด 1 ลูก และยังให้เนื้อที่ใช้งานค่อนข้างคุ้มค่ากว่า RAID1 ครับ ซึ่งเราสามารถอัพเกรดขึ้นได้จาก RAID1 ครับ ฉะนั้น หากคุณมีฮาร์ดดิสก์ลูกเดียว คุณก็จะต้องอัพเกรดเป็น RAID1 ก่อน แล้วถึงค่อยอัพเกรดมาเป็น RAID5 อีกทีครับ ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Online RAID Migration ครับ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ผมได้อัพเกรด QNAP TS-351 จากฮาร์ดดิสก์ลูกเดียวไปเป็น RAID1 แล้ว ทีนี้ผมมีงบเพิ่ม อยากใส่ฮาร์ดดิสก์เข้าไปอีกซักลูก แล้วทำเป็น RAID5 เลย จะได้ความจุเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่ก็ยังมีความทนทานต่อความเสียหาย (Fault tolerance) ในระดับที่แม้ฮาร์ดดิสก์จะเจ๊งไปซักลูก ก็ยังโอเคอยู่ ซึ่ง QNAP NAS สามารถให้เราทำได้ด้วยฟีเจอร์ Online RAID Migration
ตอนนี้ถ้าเกิดเปิดเครื่องมา แล้วไปที่ Storage & Snapshots > Storage > Disks/VJBOD แล้วคลิกตรง RAID Group แล้วเลือก RAID Group 1 จะเห็นแบบในรูปด้านบนครับ ตอนนี้เราใช้ RAID1 อยู่ ทีนี้ถ้าเกิดอยากจะอัพเกรดไปเป็น RAID5 จะต้องทำยังไง? ก็คล้ายๆ กับการอัพเกรดจากฮาร์ดดิสก์ลูกเดียวมาเป็น RAID1 ครับ ก่อนอื่นก็ใส่ฮาร์ดดิสก์เพิ่มเข้าไปก่อน และแน่นอน ควรจะเป็นยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน และมีความจุเท่ากันจะดีที่สุด (แต่จะมีความจุมากกว่าก็ไม่เป็นไร)
จากนั้นก็ไปที่ Storage & Snapshots > Storage > Storage/Snapshots แล้วไปคลิกเลือกตรง Storage pool ที่เราทำ RAID1 เอาไว้ แล้วคลิกปุ่ม Manage ที่อยู่ตรงมุมบนด้านขวา
พอเข้ามาที่ Storage pool management แล้ว ก็คลิกตรงปุ่ม Manage แล้วเลือก Migrate ครับ แล้วตรงหน้าจอ Migrage ก็ติ๊กถูกตรงฮาร์ดดิสก์ที่เราใส่เพิ่มเข้าไป ซึ่งในกรณีของผม มันก็คือ Disk 3 ลูกเดียวนั่นแหละ จากนั้นคลิกปุ่ม Apply ครับ ในกรณีของ TS-351 นี่จะเห็นว่ามันจะมีคำเตือนขึ้นมาว่า To use SSD cache function, please reserve <M.2 SSD 1, M.2 SSD2, Disk 3> for SSD cache drives หรือก็คือเตือนว่า หากเราอยากใช้ฟีเจอร์ SSD cache ละก็ ให้ปล่อยช่องสำหรับ M.2 SSD หรือ Disk 3 เอาไว้
ระบบก็จะถามเราครับว่า ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ที่ใส่เข้าไปเนี่ยจะโดนลบหมดนะ โอเคป่าว เราก็คลิก OK ไป จากนั้นก็รอไปครับ เหมือนตอนอัพเกรดจากฮาร์ดดิสก์ลูกเดียวมาเป็น RAID1 นั่นแหละ มันก็ใช้เวลาหน่อยนึงครับ แต่ใช้เวลานานกว่าพอสมควรเลยครับ ถ้าสังเกตตรงคอลัมน์ Resync Priority ในรูปด้านล่าง จะเห็นว่าความเร็วมันอยู่แถวๆ 50MB/s เท่านั้นเองครับ ตรงนี้เพราะว่ามันต้องทำงานย้ายข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์หลายตัว และต้องคำนวณ Parity bit สำหรับกู้ข้อมูลของ RAID5 ด้วยน่ะครับ มันต่างจาก RAID1 ที่แค่ก็อปปี้ข้อมูลให้เหมือนเท่านั้นเอง
แม้ว่าเราจะสามารถใช้งาน QNAP NAS ในระหว่างที่ทำ Online RAID Migration นี้อยู่ แต่ก็เช่นเคยครับ ผมไม่แนะนำให้อัพโหลดหรือเขียนข้อมูลใดๆ ลงไปบน QNAP NAS นะครับ เน้นไปที่การอ่านข้อมูลก็พอครับ
