หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าเว็บนายกาฝากไม่ได้ ไม่ได้ปิดเว็บหนีไปไหนนะครับ แต่บล็อกของผมที่โฮสต์ไว้ที่ WordPress มันล่มไปครับ ด้วยความที่งานยุ่งมาก กว่าจะรู้ตัวว่าบล็อกล่ม ก็ผ่านไปแล้วร่วมวัน แล้วแจ้งปัญหาไปยังทีม Support ของ WordPress.com แล้ว ก็ใช้เวลาอีกตั้ง 4 วันกว่า กว่าจะหาสาเหตุพบแล้วแก้ปัญหาได้ ฉะนั้นเมื่อบล็อกกลับมาเป็นปกติ ก็ต้องขอบ่นๆ ถึงกรณีบล็อกล่มซักหน่อยดีกว่าครับ
เผื่อไม่มีใครทราบ บล็อกนายกาฝากแห่งนี้ โฮสต์ไว้บน WordPress.com ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโปรแกรม WordPress ซึ่งเป็น CMS ชื่อดังที่ว่ากันว่ามีเว็บไซต์กว่า 22 ล้านเว็บที่ใช้ WordPress หรือพูดง่ายๆ คือ ราวๆ 30% ของเว็บไซต์ทั้งหมดในโลกนี้ใช้ WordPress ครับ (แต่ถ้าคิดเฉพาะแค่ส่วนแบ่งตลาดของเว็บไซต์ที่ใช้ CMS ตัวใดตัวหนึ่ง WordPress จะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ทีราวๆ 60%) ถามว่าทำไมผมถึงเลือกโฮสต์ที่นี่ ก็คงเพราะว่าผมอยากได้โฮสต์ที่น่าจะเป็นมืออาชีพที่สุดสำหรับ WordPress ซึ่งใครจะเก่งเรื่องนี้ไปกว่าบริษัทที่พัฒนาตัว WordPress เอง จริงปะ นอกจากนี้ ค่าโฮสต์ก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปครับ มันเริ่มที่ 100 บาท/เดือน สำหรับแพ็กเกจ Blogger ไปจนถึง 1,500 บาท/เดือน สำหรับ eCommerce ครับ โดยตัวผม เลือกใช้แพ็กเกจ Business ที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 833.25 บาท/เดือน ซึ่งทาง WordPress เขาให้นิยามแพ็กเกจนี้เอาไว้แบบนี้ครับ
Best for Small Businesses: Power your business website with unlimited premium and business theme templates, Google Analytics support, unlimited storage, and the ability to remove WordPress.com branding.
เยี่ยมสุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก: เสริมพลังให้กับเว็บไซต์ของธุรกิจของคุณด้วยธีมเท็มเพลตระดับพรีเมียมและธุรกิจแบบไม่จำกัด สนับสนุน Google Analytics มีเนื้อที่เก็บข้อมูลไม่จำกัด และสามารถลบแบรนด์ดิ้งของ WordPress.com ออกได้

แต่ปรากฏว่า จากข้อมูลของ Activity log และ Stats ของเว็บ ผมสังเกตว่าตั้งกะวันที่ 3 ยอดคนเข้าเว็บไซต์มันเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด และพอถึงวันที่ 4 นี่คือเว็บไซต์เริ่มเข้าไม่ได้แล้วครับ มันขึ้นข้อความการแจ้งเตือนเลยว่าเว็บเข้าไม่ได้

ด้วยความที่เป็น Business plan ผมก็แชทเข้าไปแจ้งทาง Happiness Engineer ให้ทราบเลยครับ และด้วยความที่เคยทำเว็บด้วย WordPress แบบโฮสต์เองมาก่อน เคยเป็นแอดมินระบบบล็อกของโรงเรียนที่เคยทำงานอยู่ด้วย และก็เคยเล่นโน่นเล่นนี่จนบล็อกล่มไปก็หลายหน ก็เลยพอจะเข้าใจเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น หากมีการติดตั้งปลั๊กอินหรือธีมที่ไม่เวิร์ก และส่งผลให้บล็อกล่มได้ ก็พอจะเข้าใจวิธีการตรวจสอบและแก้ปัญหาเบื้องต้น ซึ่งก็คือการถอดปลั๊กอินหรือธีมที่น่าสงสัยออกก่อน แต่จากที่ผมดู Activity log (ซึ่งเผอิญว่ายังเข้าดูได้ แม้บล็อกจะล่ม เพราะส่วนของ Backend บางส่วนยังเข้าไปดูได้) มีหลักฐานที่ชี้บ่งว่า ผมติดตั้งธีมปัจจุบันเมื่อเดือนธันวาคม 2561 และไม่ได้มีอัพเดตอะไรอีกจนถึงปัจจุบัน ส่วนปลั๊กอินตัวล่าสุดก็ติดตั้งไปเดือนมีนาคม และเพิ่งมีอัพเดตแค่ตัวเดียวคือ Rank Math ตอนวันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา สรุปก็คือ ด้วยข้อมูลนี้ ผมก็ไม่คิดว่าปัญหามันจะมาจากปลั๊กอินหรือธีมหรอกนะครับ

ทางทีม Support ของ WordPress.com เอง ข้อดีก็คือเขาตอบแชทไวมาก และคอยอัพเดตอยู่เรื่อยๆ เวลาที่กำลังสืบสวนหาสาเหตุของการล่มของเว็บ ก็มีการแชทหรือส่งอีเมลแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะๆ ด้วย แต่ผมกลับพบว่าทีมใช้เวลาในการแก้ปัญหายาวนานมากครับ คือ เว็บล่มไปราวๆ 5 วันเลยทีเดียว (นี่คือยังไม่นับวันแรกที่เริ่มออกอาการล่มด้วยนะ) และสาเหตุของปัญหาคราวนี้ จากที่ทางทีม Support แจ้งมาก็คือ กระบวนการย้าย (Migration) ไม่เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ หรือก็คือ น่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการ Maintenance ระบบของทาง WordPress.com ครับ และเนื่องจากเป็นความผิดของทางโน้น เขาก็เลยขอชดเชยด้วยการให้ใช้ Business plan ฟรี 1 เดือน มูลค่า 833.25 บาท
จากประสบการณ์ในการเจอปัญหาบล็อกล่มครั้งนี้ ผมเลยสรุปได้ว่า แม้ Business plan ของ WordPress.com จะให้เนื้อที่ไม่จำกัด และตัวระบบโฮสต์ของที่นี่ก็เข้าถึงได้รวดเร็วดีครับ หมดปัญหาเรื่องการบริหารจัดการส่วนของเซิร์ฟเวอร์ แต่ก็คงอย่างที่ทาง WordPress เขานิยามเอาไว้อะครับ มันเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เพราะแม้ทีม Support จะตอบเราค่อนข้างเร็ว แต่การแก้ไขปัญหานี่แบบว่าเชื่องช้ามากเลยครับ ล่มทีนึงหายไป 4-5 วันแบบนี้ ถ้าเว็บไซต์ของคุณสำคัญมากระดับที่ล่มทีนึงคิดมูลค่าความเสียหายนับกันเป็นวัน ชั่วโมง หรือนาที มันไม่เหมาะแน่นอนครับ นี่ยังไม่นับเรื่องการชดเชยอีกนะครับ เว็บระดับ Business plan ล่มไป 4-5 วันเนี่ย ได้ชดเชยเป็นแค่ใช่ฟรีอีกเดือนเดียวเอง แต่สำหรับผม ที่ทำบล็อกเป็นงานอดิเรก เคสนี้ก็ยังถือว่าให้โอกาสทีม WordPress.com ก่อนแล้วกันเนอะ