จนถึง ณ เวลาที่เขียนบล็อกตอนนี้อยู่ ผมขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot Kickscooter ES2 ไปแล้วเกือบ 1,000 กิโลเมตร วันไหนที่ผมเอามาขี่ อย่างน้อยๆ ผมต้องเดินทางซัก 10 กิโลเมตรเป็นอย่างต่ำ และสูงสุดเคยจัดไปแล้ว 40 กิโลเมตร ปัญหานึงที่เจอบ่อยๆ คือ ตอนที่จะต้องเบี่ยงแนวขี่ออกไปบ้าง เพราะต้องหลบท่อที่เป็นหลุมบ้างล่ะ หรือหลบรถเมล์หรือรถอะไรก็ตามที่จอดอยู่ริมถนนบ้างล่ะ เราก็อยากจะให้มีไฟเลี้ยวซักหน่อย เพื่อรถข้างหลัง (ส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซค์) จะได้เดาทางเราถูกว่ากำลังจะทำอะไรต่อ … แล้วจะทำยังไงดี มีตัวเลือกไหม?
จริงๆ แล้ว การหาไฟเลี้ยวเสริมมาติดอะ มันไม่ยากครับ เพราะว่าไปเปิด Lazada แล้วค้นหาคำว่า ไฟเลี้ยวจักรยาน ละก็ เจอเพียบเลยครับ มีหลากหลายรูปแบบด้วย มีทั้งแบบไฟเลี้ยวคล้ายๆ กับรถยนต์ ไปจนถึงไฟ LED ที่สามารถแสดงเป็นไอคอนต่างๆ ได้ด้วย เวลาจะเลี้ยวที มันแสดงเป็นลูกศรชี้ไปตามทางที่จะเลี้ยวเลย เมพดีจะตาย แต่ปัญหาจริงๆ ในการติดไฟเลี้ยวเสริมให้กับ Ninebot Kickscooter ES2 คือ ตำแหน่งในการติดตั้งไฟเลี้ยวตะหากล่ะ

ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าตัวไฟเลี้ยวจักรยานส่วนใหญ่ ถูกออกแบบมาให้ยึดติดกับใต้อานจักรยานครับ แต่ Ninebot Kickscooter ES2 ไม่มีส่วนที่ว่านี่ ยกเว้นว่าคุณจะติดเบาะนั่งเสริม (ซึ่งก็อาจจะทำให้เราไม่สามารถพับเบาะนั่งเก็บได้ ยกเว้นจะเอาไฟเลี้ยวออก) แต่สำหรับคนที่อยากจะติดไฟเลี้ยวเสริมจริงๆ มันก็พอมีทางเลือกอยู่บ้างครับ สำหรับคนที่ขี่สกู๊ตเตอร์ไปทำงานแบบผม คือ สะพายเป้ไปด้วย อะไรแบบนี้
ไฟเลี้ยวที่ผมซื้อ มีชื่อยาวๆ ว่า LP-1801 Intelligent Turn Signal ครับ ราคาตอนผมจัดคือ 503 บาท รวมค่าส่งแล้ว สั่งมาจาก Lazada องค์ประกอบของมันก็จะมีตัวไฟเลี้ยวที่เอาไว้ติดใต้อานจักรยานมาให้อันนึง ซึ่งมันจะมีทั้งไฟเลี้ยวและไฟเบรกให้ในตัว (ไฟเบรกไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ เพราะว่า Ninebot Kickscooter ES2 ให้ไฟเบรกมาอยู่แล้ว) และอุปกรณ์อีกอย่างก็คือตัวรีโมทสำหรับเปิดไฟลี้ยว ซึ่งมีปุ่ม 5 ปุ่ม ตรงกลางคือปุ่มเปิดปิด, ซ้ายขวาก็คือเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา และมีปุ่มเปิดไฟเบรกแบบกดติดปล่อยดับ และปุ่มเปิดไฟเบรกแบบกดทีติดค้าง

ถ้าใครมีเบาะเสริมของ Ninebot Kickscooter ES2 และทำใจได้กับการที่จะพับเก็บไม่ได้ หรอกคิดว่าการแกะไฟเลี้ยวออกทุกครั้งที่จะพับเก็บ (ซึ่งแกะไม่ยากมาก แต่ต้องมีไขควง แต่พกอันเล็กๆ ได้อยู่) ก็คงไม่เป็นไร ติดตั้งง่ายเชียวแหละ แต่สำหรับคนที่ไม่มี ตำแหน่งที่ติดได้ถัดไปก็คือ ตรงจุดที่เราสะพายเป้ของเรานั่นแหละ อย่างกรณีของผม ผมใช้เป้ Cozistyle รุ่น City Backpack มันมีหูเกี่ยวอยู่พอดี เอาส่วนขอเกี่ยวอานจักรยานไปใส่ได้เป๊ะๆ เลย ไม่ต้องใส่น็อตให้แน่นมากด้วย แค่สุดเท่าที่จะหมุนด้วยนิ้วมือได้ก็พอ

ทำเสร็จแล้ว ไฟเลี้ยวก็จะอยู่ตรงตำแหน่งที่เวลาขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแล้ว คนข้างหลังเห็นเราได้พอดีเลยแหละ ดีงามครับ เจ้าไฟเลี้ยวนี้กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IPX4 พูดง่ายๆ คือ กันฝุ่นประมาณนึง แต่กันน้ำชัวร์ๆ ฉะนั้นขี่ๆ อยู่เกิดฝนตกก็ไม่ต้องห่วงอะไรครับ แบตเตอรี่ชาร์จความจุ 2,200mAh ชาร์จด้วยไฟ 5V 1A ก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ราวๆ 7 ชั่วโมง ถ้าเปิดไฟไว้ตลอดเวลา ฉะนั้น ถ้าเน้นเปิดแค่ไฟเลี้ยว โอ๊ย ผมว่าน่าจะอยู่ได้ครบสัปดาห์ (ยังไม่ได้ลองนะ) น้ำหนักไฟเลี้ยว 168 กรัม ติดตั้งบนเป้แล้ว ไม่ทำให้รู้สึกว่าเป้สะพายหนักขึ้นมากมายแต่อย่างใด

ในส่วนของรีโมทคอนโทรลสำหรับเปิดปิดไฟเลี้ยวนั้น มีแบตเตอรี่ 180mAh แต่เพราะมันแค่ส่งสัญญาณความถี่ 433MHz ชาร์จแบตเตอรี่เต็มทีนึง เขาว่าใช้งานได้ราวๆ 2 เดือนครับ แต่ปัญหาคือ ตัวยึดกับแฮนด์อะ มันออกแบบมาสำหรับจักยานจ้า มันสวมกับแฮนด์ของ Ninebot Kickscooter ES2 ไม่ได้ ยกเว้นเราจะดึงยางที่หุ้มตรงส่วนมือจับของแฮนด์ออกไปซักนิ้วกว่าๆ แล้วก็เอาเจ้านี่สวมลงไป แต่ก็จะทำให้มือจับดูแปลกๆ ยวบๆ ไม่ดีเลย

ถามว่าแล้วผมแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง? ไม่แก้ครับ ไม่ไหว ไม่รู้จะทำยังไง แต่พอเห็นว่ามันมีลักษณะเหมือนแหวน ผมเลยเอามาสวมนิ้วแบบนี้เลยครับ ซึ่งพอลองจับแฮนด์ของ Ninebot Kickscooter ES2 แล้ว พบว่า ก็ยังพอที่จะกดปุ่มเปิดไฟเลี้ยวได้อยู่ครับ

เอาล่ะ ทีนี้ Ninebot Kickscooter ES2 ของผมก็มีไฟเลี้ยวแล้วละครับ เย่ๆ