การทำความสะอาดบ้านควรจะเป็นเรื่องง่ายครับ เดี๋ยวนี้หลายๆ คนเริ่มหันมาใช้เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ในการช่วยรักษาความสะอาดของบ้านกันมากขึ้น ผมเองก็เช่นกัน ผมตั้งให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดห้องอัตโนมัติสัปดาห์ละ 3 วัน เรียกว่าฝุ่นที่พื้นนี่โดนดูดเหี้ยนเลยละครับ แต่ข้อจำกัดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็คือ มันดูดฝุ่นได้เฉพาะแต่อยู่บนพื้นนั่นแหละครับ ถึงเป็นที่มาที่ผมจัด Xiaomi Mi Jia Portable Vacuum Cleaner มาดูดฝุ่นบนเตียง และส่วนเครื่องดูดฝุ่นที่อื่นนี่แหละคือประเด็น ซึ่ง Dibea D18 นี่เข้ามาตอบโจทย์ได้พอดี ในราคาที่ไม่แพงทีเดียว
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บล็อกรีวิวครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการโดยแฟนของผมเอง (ฮา) พอดีเขาอยากได้เครื่องดูดฝุ่นเอาไว้ใช้ และก็เล็งไว้พักใหญ่ๆ แล้วด้วย ฉะนั้น ผมก็เลยโชคดี ได้มารีวิวก่อนครับ ผมจะได้ลองใช้งาน และสอนแฟนใช้ด้วย ดังนั้นจะเรียกว่าบล็อกนี้คือการรีวิวโดยลูกค้าเองก็ว่าได้
แกะกล่อง Dibea D18 มีอะไรบ้าง
Dibea D18 อ่ะ สนนราคาแค่ 4,990 บาท ถือว่าราคาไม่สูงมาก หากเทียบกับเจ้าตลาดชื่อดังอย่าง Dyson แล้ว จะเห็นได้ว่าราคาต่างกันแบบชัดเจนมากเลยทีเดียว ตัวนี้เลยเป็นตัวเลือกราคาประหยัด สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการความพรีเมียม และแรงดูดที่มหาศาลกว่าพอสมควร ทว่าถึงแม้ว่าราคาจะถูกกว่าพอสมควร แต่ในแง่ของดีไซน์และความพร้อมสำหรับการใช้งานถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว

แพ็กเกจที่ให้มานั้น ประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Dibea D18 ที่เป็นมอเตอร์และชุดกรอง
- ด้ามจับของ Dibea D18 ที่เป็นส่วนของแบตเตอรี่ และตัวสวิตช์ควบคุมการทำงาน
- อะแดปเตอร์ไฟ DC 24V 0.45A
- ชุดติดตั้งสำหรับแขวนตัว Dibea D18 ซึ่งยึดติดกับผนังได้ด้วยแผ่นเทปกาวของ 3M หรือหากต้องการยึดแบบถาวรสุดๆ ก็ยิงพุก ใส่น็อตกันไปเลยก็ได้


- ตัวท่อดูดฝุ่นสำหรับเพิ่มระยะทาง แลหัวดูดฝุ่น ซึ่งมีให้เลือก 4 แบบ คือ
- หัวแบบแบน (Long crevice) เอาไว้ดูดฝุ่นในที่แคบ และเพื่อเพิ่มแรงดูดด้วย
- หัวพร้อมแปรงปัดฝุ่น (Bristle brush) เอาไว้สำหรับดูดฝุ่นในที่แคบ แต่ต้องการพื้นที่การดูดฝุ่นที่กว้างขึ้นมาอีกหน่อย และเผื่อในจุดที่มีฝุ่นเกาะแน่น ต้องปัดๆ ออก
- หัวแปรงแบบพร้อมล้อหมุน สำหรับปัดขยะชิ้นใหญ่
- หัวแปรงแบบพร้อมล้อหมุน สำหรับปัดขยะชิ้นเล็ก


ตัวหัวดูดฝุ่นแบบมีล้อหมุนเนี่ย จะมีมอเตอร์ช่วยหมุนแกนล้อครับ ทำให้หัวแปรงมันช่วยปัดฝุ่นมาเข้าเครื่องดูดฝุ่นได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับการดูดฝุ่นที่มีน้ำหนักประมาณนึง แล้วมันยึดติดกับพื้นผิวไว้ประมาณนึง ซึ่งทำให้แรงลมของเครื่องดูดฝุ่นเพียงอย่างเดียวมันไม่พอสำหรับการดูดฝุ่นพวกนี้ขึ้นมา หัวดูดฝุ่นพวกนี้ มันจะมีขั้วไฟฟ้าอยู่ที่หัว เพื่อใช้สำหรับรับพลังไฟฟ้ามาจากตัวเครื่องดูดฝุ่นอีกที

ในส่วนของการดีไซน์ ผมคิดว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับ Dyson DC62 ที่ผมใช้อยู่ มันออกแบบมาให้แยกออกเป็นส่วนๆ และประกอบได้ง่ายๆ เหตุผลเพราะต้องการให้สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ตัวด้ามจับจะทำหน้าที่แค่เปิดปิดการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น ซึ่งกดสวิตช์ทีนึงก็จะเป็นการดูดฝุ่นแบบเบา (แรงดูด 4,000pa) กดอีกทีก็เป็นการดูดแบบแรง (7,000pa) และกดอีกทีก็จะเป็นการปิดการทำงาน ตัวเครื่องบอกระดับแบตเตอรี่ด้วยไฟ LED แบ่งเป็น 3 ขีด ครับ ทำให้เรารู้ว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่แค่ไหนได้ไม่ยาก


และเช่นเดียวกันกับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายทั่วๆ ไป เจ้านี่ถูกออกแบบมาให้สามารถเปิดฝาที่เก็บฝุ่นได้ง่ายๆ แล้วเราก็สามารถเทฝุ่นออกไปได้สบายๆ เลย แบบนี้ครับ

ในการใช้งาน ไม่ว่าจะดูดฝุ่นในระยะใกล้ๆ หรือในที่ไกลๆ ก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เลือกหัวดูดฝุ่นที่เหมาะสม แล้วเลือกว่าจะต่อหัวแบบตรงๆ เลย หรือจะใช้ท่อยืดระยะ (ท่อสีเหลืองส้ม) มาต่อ


ได้เวลาใช้งาน Dibea D18
เมื่อต้องลองเครื่องดูดฝุ่น ก็ต้องใช้ดูดฝุ่น จริงไหมครับ ผมก็เอามาลองไล่ดูดฝุ่นตามพื้นที่ต่างๆ จุดต่างๆ ภายในห้องนอนดูกันเลย การต่อหัวดูดฝุ่นแบบสั้นและยาว ช่วยให้เราสามารถดูดฝุ่นตามจุดต่างๆ ได้อย่างสะดวก ผมสังเกตว่ามันเข้าถึงได้ทุกจุดที่ผมต้องการนั่นแหละครับ และหัวแปรงแบบมีล้อหมุนขนาดใหญ่สุด ที่ออกแบบเอาไว้สำหรับดูดฝุ่นตามพื้นเนี่ย มีไฟ LED ส่งสว่างเวลาใช้งานด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่าเอาไว้ทำไม คำตอบก็คือ เอาไว้สำหรับตอนดูดฝุ่นใต้เตียงใต้ตู้ ที่มันมืดๆ นั่นแหละครับ

ตัวหัวดูดฝุ่นแบบมีล้อหมุนอ่ะ เวลาใช้งาน มันจะหมุนเร็วปรี๊ดเลย ซึ่งช่วยปัดเอาฝุ่นต่างๆ ที่อาจจะเกาะแน่นอยู่บนพื้นผิววัสดุต่างๆ เช่น พวกพรม อะไรพวกเนี้ย ให้เข้าไปในหัวดูดฝุ่นได้ดียิ่งขึ้นครับ และเวลาที่เราดูดฝุ่นตามพื้น อย่างไรก็ดี ผมลองเทียบกับความรู้สึกตอนที่ใช้ Dyson DC62 แล้ว การหมุนของหัวดูดฝุ่นของ Dyson นี่ช่วยทุ่นแรงในการดูดฝุ่นกว่า เพราะการหมุนมันช่วยเลื่อนหัวดูดฝุ่นไปข้างหน้าด้วย ทำให้ไม่ต้องออกแรงมาก แต่สำหรับ Dibea D18 แล้ว เรายังต้องออกแรงเลื่อนหัวแปรงเอาเอง ดีแต่ว่ามันมีล้อเล็กๆ 4 ล้อ คอยช่วย

ต่อหัวดูดแบบแบน ช่วยเพิ่มแรงดูดได้ดี และเมื่อต่อท่อสีเหลืองส้มแล้ว ก็ช่วยให้เราสามารถดูดฝุ่นในที่สูงๆ ได้ด้วย เช่น พวกมุ้งลวดหน้าต่างที่สูงๆ ฝุ่นมันก็เยอะ ปกติไม่ค่อยได้ดูดฝุ่น ก็เอาเจ้านี่ดูดได้ชิลๆ เลย

การสร้างลมดูดฝุ่นแบบไซโคลนนี่ ไม่ใช่เป็นเอกสิทธิ์ของยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งอีกต่อไป เพราะ Dibea D18 นี่ก็เป็นลมแบบไซโคลนเช่นกันครับ ดูดฝุ่นที่นี่หมุนติ้วๆ เลยครับ

แรงดูดของเครื่องดูดฝุ่น Dibea D18 นี่ถือว่าใช้ได้เลยครับ เอามาดูดฝุ่นมุ้งลวดนี้ก็ดีงามมาก โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นฝุ่นตรงมุ้งลวดที่มีเยอะๆ เกาะหนาๆ โดนดูดแล้วสะอาดโล่งแบบเห็นได้ชัดเลยแบบนี้

สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ Dibea D18 ก็คือตัวระบบกรองครับ ที่สามารถแกะถอดออกมาทำความสะอาดได้ มันประกอบไปด้วยตัวกรองหยาบที่เป็นโลหะ แล้วก็มีกรองละเอียดที่เป็นแบบฟองน้ำ สามารถถอดออกมาล้างได้ ดีงาม เพราะว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเปลี่ยนอะไหล่บ่อยๆ โดยเฉพาะคนที่บ้านมีฝุ่นเยอะๆ และมีฝุ่นเข้ามาได้บ่อยๆ


จากที่ผมลองทำความสะอาดดู พบว่าฝุ่นที่ถูกเจ้านี่ดูดมาได้ มีฝุ่นละเอียดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่พิจารณาจากสเปกแล้ว ระบบไส้กรองของเจ้านี่ยังไม่ใช่ระดับ HEPA ครับ ก็ต้องเรียกว่าเป็นข้อจำกัดของมันอยู่
HEPA คืออะไร?
HEPA ย่อมาจาก
High efficiency particulate air (HEPA),[1][2] originally called high-efficiency particulate absorber but also sometimes called high-efficiency particulate arresting or high-efficiency particulate
ในส่วนของการใช้งาน แบตเตอรี่ของเจ้านี่คือ 2,200mAh สามารถใช้งานได้ราวนานสูงสุด 45 นาที (ที่แรงดูดแบบเบา 4,000pa) หรือ 25 นาที (ที่แรงดูดแบบแรง 9,000pa) และใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มราวๆ 4-5 ชั่วโมงครับ
บทสรุปการรีวิว Dibea D18
สำหรับคนที่ต้องการได้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบไม่ต้องสิ้นเปลืองงบมาก Dibea D18 นี่เป็นรุ่นนึงที่ตอบโจทย์ได้เลยทีเดียวครับ มันรองรับการใช้งานส่วนใหญ่ภายในบ้านได้สบายๆ ด้วยหัวดูด 4 แบบที่ให้มา แน่นอนว่าหากคุณไปเลือกดูยี่ห้อที่แพงขึ้น อย่างเช่น Xiaomi Roidmi หรือ Dyson ไปเลย ซึ่งพวกนี้ รุ่นไฮโซๆ มันจะมีหัวดูดฝุ่นให้เลือกหลากหลายกว่า รองรับการใช้งานที่หลากหลายกว่าด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
แต่สำหรับผมแล้ว พิจารณาจากการใช้งานส่วนใหญ่ของผม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วละครับ ใครสนใจอยากซื้อ ลิงก์ด้านล่างคือร้านเดียวกะที่ผมซื้อมาครับ