เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ เป็นของที่เราติดตั้งแล้ว จะใช้มันยาวๆ ไปเป็นสิบปีเลยครับ อย่างแอร์ที่บ้านผมนี่ก็ติดตั้งมาแล้วราวสิบปีเห็นจะได้ ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไร ที่แอร์บ้านมันจะไม่ได้ “อัจฉริยะ” เข้ากับยุคสมัยแห่ง IoT ที่อะไรต่อมิอะไรก็เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต มี AI กันหมด แต่เมื่อคุณได้ Ambi Climate 2 ตัวนี้เข้ามา ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บล็อกตอนนี้ ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ Ambi Climate 2 มาให้ทดลองใช้งาน แต่เนื้อหาภายในบล็อกนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมที่มีต่อแกดเจ็ตตัวนี้ล้วนๆ ครับ
รู้จักกับ Ambi Labs ก่อน
Ambi Labs ผู้พัฒนาอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติฮ่องกง ที่เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์จำพวก IoT ซึ่งพัฒนาเจ้า Ambi Climate ขึ้นมา และระดมทุนผ่าน Kickstarter ครับ โดยเจ้าตัว Ambi Climate 2 นี่เป็นรุ่นที่สอง ซึ่งก็ได้เข้าระดมทุนผ่าน Kickstarter อีกเช่นกัน และระดมทุนได้ไปมากถึง 1.2 ล้านเหรียญฮ่องกง สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 3.9 แสนเหรียญฮ่องกงถึง 3 เท่าตัว

ปัจจุบัน Ambi Climate 2 มีวางจำหน่ายแล้วที่ .life ในราคาค่าตัว 4,990 บาท สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้เลยครับ
IoT (Internet of Things) คืออะไร?
คำว่า IoT หรือ Internet of Things นี่เป็นอะไรที่น่าจะได้ยินกันเยอะแยะแล้ว แต่เผื่อใครยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ก็จะขอเล่าให้อ่านกันแบบสั้นๆ ครับ
IoT หรือ Internet of Things แปลเป็นไทยก็คือ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง ซึ่งหมายถึงการที่อะไรก็ตามสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้ อุปกรณ์จำพวก IoT นั้น ขั้นพื้นฐานก็จะช่วยให้เราสามารถควบคุมการทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น สั่งเปิดปิด ตั้งเวลาเปิดปิด
อุปกรณ์ IoT หากถูกพัฒนาอยู่บนโปรโตคอลเดียวกัน ก็มักจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเองได้ด้วย ทำให้สามารถสร้างรูปแบบของการสั่งงานได้ เช่น เมื่อเซ็นเซอร์เครื่องวัดคุณภาพอากาศพบว่ามีฝุ่นเยอะ ก็สั่งงานให้เครื่องฟอกอากาศทำงาน เป็นต้น
Internet of Things (IoT) คือ “อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง” หมายถึง การที่อุปกรณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ได้ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (การสั่งการเปิดไฟฟ้าภายในบ้านด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุม เช่น มือถือ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต) รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือทางการเกษตร อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
แกะกล่อง Ambi Climate 2 มีอะไรบ้าง?
ถึงจะบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากสตาร์ทอัพ แต่แพ็กเกจนี่ต้องยอมรับเลยว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว ด้านข้างเขียนเอาไว้ว่า กระดาษที่ใช้ทำมาจากไม้ไผ่ อารมณ์ว่ารักษ์โลกว่างั้น รอบๆ กล่องมีการอธิบายเรื่องราวของตัวบริษัทเอง และตัวผลิตภัณฑ์

ภายในกล่องไม่ได้มีอะไรมากเลยครับ ก็มีตัวเครื่อง Ambi Climate 2, สาย Micro USB, ตัว Wall charger ที่จ่ายไฟ 5V 1A และคู่มือการใช้งานเป็นแผ่นพับภาษาอังกฤษ

ดีไซน์ของ Ambi Climate 2 ดูสวยงาม สมกับการที่เป็นสินค้าแนวไลฟ์สไตล์ ที่ต้องคิดเผื่อเอาไว้เสมอว่ามันจะถูกเอาไปวางไว้ตรงไหนของมุมบ้านก็ได้ และยังต้องสามารถเข้ากับการตกแต่งภายในบ้านได้ ฐานตัวเครื่องเป็นลายไม้ดูสวยงาม ตัวเครื่องสีขาวดูสะอาด และส่วนด้านบน ที่เป็นตำแหน่งของอุปกรณ์รับส่งสัญญาณอินฟราเรด ก็จะมีสีดำ มีไฟ LED เป็นสัญลักษณ์รูปตัว a ที่เอาไว้บอกสถานะของการทำงาน

ส่วนด้านหลังของ Ambi Climate 2 จะมีพอร์ต Micro USB เอาไว้สำหรับจ่ายไฟให้กับตัว Ambi Climate 2 แล้วก็มีพอร์ต USB-A ที่เอาไว้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้สมาร์ทโฟนได้ ในกรณีที่เราวางเจ้านี่ไว้ใกล้ๆ จุดที่เราปกติเอาไว้ชาร์จสมาร์ทโฟน และสุดท้ายคือปุ่มรีเซ็ต เอาไว้สำหรับรีเซ็ตตัวอุปกรณ์ เผื่อกรณีที่เราอยากจะเอาไปให้คนอื่นใช้
ติดตั้งและใช้งาน Ambi Climate 2
การติดตั้งใช้ผมไม่ขอลงไปในรายละเอียดสุดๆ นะครับ จะเล่าโดยเน้นประสบการณ์ และความรู้สึกในการติดตั้งใช้งานเป็นหลักนะครับ ในส่วนของการติดตั้งมันไม่ยุ่งยาก ส่วนที่ยากที่สุด ผมว่าอยู่ที่การหาตำแหน่งวางแจ่มๆ ที่ยังสามารถส่งสัญญาณอินฟราเรดไปที่แอร์ได้มากกว่า

คุณจะรู้ได้ยังไงว่าตรงไหนที่วาง Ambi Climate 2 แล้วจะเวิร์ก? ก็ถ้าคุณสามารถกดรีโมทแอร์สั่งงานจากจุดนั้นได้ ตรงนั้นมันก็เวิร์กอยู่ครับ ที่เหลือก็แค่ให้แน่ใจว่าจะมีรูปลั๊กหรือพอร์ต USB-A ที่จะจ่ายไฟให้เจ้านี่ได้เท่านั้นเอง
การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ Ambi Climate 2 ก็แค่ดาวน์โหลดแอป Ambi Climate (iOS/Android) มาติดตั้งในสมาร์ทโฟนก่อน จากนั้นก็ทำตามคำแนะนำในแอปครับ ซึ่งขั้นตอนก็จะเป็นการเพิ่มอุปกรณ์ (ต้องเลือกเป็น Ambi Climate 2 นะ) แล้วเชื่อมต่อ WiFi เข้ากับอุปกรณ์ก่อน จากนั้นก็ไปตั้งค่า WiFi บ้านให้กับอุปกรณ์ ก็ประมาณนี้

ขั้นตอนถัดมาคือการเพิ่มแอร์เข้าไปในระบบครับ เจ้านี่รองรับแอร์หลากหลายยี่ห้อมาก และยี่ห้อดังๆ ที่ขายในประเทศไทยนี่น่าจะมีหมดแล้ว วิธีการเพิ่มไม่ยุ่งยาก แค่หยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาดูเลขรหัสด้านหลังรีโมท แล้วป้อนค้นหาก็เท่านั้นเอง ในกรณีที่ไม่เจอ (เช่นที่บ้านผมเป็นต้น) ก็กดปุ่มไปสิ ว่าไม่มีรหัสรีโมทในระบบ แล้วมันจะให้เราเลือกกดปุ่มบนรีโมทใส่ตัว Ambi Climate 2 ก็ทำตามที่เขาบอกครับ ดูว่ารีโมทของเรามีปุ่มตามที่เขาบอกไหม ถ้ามีก็กดตามที่แอปมันบอกให้ทำ แป๊บเดียวครับ เรียบร้อย การติดตั้งใช้งานของผม ไม่เกิน 5 นาที เสร็จ

เจ้านี่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง alexa หรือ Google Assistant ได้ และยังสามารถสั่งงานผ่าน IFTTT ได้อีกด้วย ก็แค่ทำการเชื่อมต่อกับพวกนี้ด้วยวิธีมาตรฐานของแต่ละบริการเองครับ อย่างผมเนี่ย ใช้ Google Home อยู่ สั่งงานผ่าน Google Assistant ผมก็ไปลิงก์ Ambi Climate ผ่านแอป Google Home เท่านั้นเอง
IFTTT คืออะไร?
IFTTT ย่อมาจาก If This Then That เป็นเว็บที่ให้บริการสั่งงานตามเงื่อนไข โดยทางเว็บเขามีการเก็บรวบรวม API (Application Programming Interface) ของซอฟต์แวร์ บริการ และ IoT ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ให้ใครต่อใครสามารถมาสร้างสูตร (Recipe) ได้ และแชร์ให้คนอื่นได้นำไปใช้ได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ที่ผมเคยเขียนบล็อกเรื่องการใช้ IFTTT แจ้งเตือนผ่าน LINE เวลาที่ QNAP NAS มี System message ใหม่ๆ ด้วย

ในการใช้งาน แอปจะสั่งงานได้ 4 โหมดหลัก คือ
- Comfort หรือ ปรับอุณภูมิตามความรู้สึก คือ เราแค่เลือกบนแอปเลยว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง บอกได้ 7 ระดับ คือ ร้อน (Hot), อุ่นไป (Too warm), อุ่นนิดหน่อย (A bit warm), สบายดี (Comfy), เย็นไปนิด (A bit cold), เย็นมากไป (Too cold) และ จะแข็งตายอยู่แล้ว (Freezing) การบอกให้ Ambi Climate 2 ให้รู้ข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้มันเรียนรู้ว่าอุณหภูมิไหนที่เราชอบ และในอนาคตเมื่อข้อมูลมันมากพอ มันจะสามารถปรับอุณหภูมิให้เรารู้สึกสบายอยู่เสมอได้
- Temperature หรือ ปรับอุณหภูมิโดยให้รักษาระดับอุณหภูมิเอาไว้ คือ การกำหนดไปเลยว่า เราต้องการให้ห้องมีอุณหภูมิเท่าไหร่ ซึ่งวัดเอาตามเซ็นเซอร์ของ Ambi Climate 2 นะครับ แล้วตัว Ambi Climate 2 จะทำการสั่งเร่งหรือเบาแอร์ตามความเหมาะสม เพื่อให้อุณหภูมิได้ตามที่ตั้งเอาไว้
- Away หรือ โหมดตอนไม่อยู่ที่บ้าน/ห้อง เอาไว้สำหรับให้ Ambi Climate 2 คอยสั่งงานแอร์เอาไว้ เพื่อให้รักษาอุณหภูมิเอาไว้ตามที่เรากำหนด ทั้งนี้เพื่อรักษาทั้งระดับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม อันนี้หน้าที่หลักๆ คือ ป้องกันการขึ้นราของพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้อง โหมดนี้คือโหมดที่คิดว่าคนทั่วไปไม่น่าจะได้ใช้เท่าไหร่
- Manual หรือ โหมดรีโมท คือ โหมดที่เราจะให้ Ambi Climate 2 ทำหน้าที่เป็นแค่รีโมทที่สามารถสั่งงานด้วยแอปได้ก็เท่านั้นเอง ก็เป็นอีกโหมดที่คิดว่า ซื้อเจ้านี่มาใช้แล้ว ไม่น่าใช้โหมดนี้อ่ะ ไม่คุ้มเลย อุตส่าห์มี AI
การใช้ AI (Artificial Intelligence) ช่วยปรับอุณหภูมิ
จริงๆ แล้ว ปัจจัยที่มีผลต่อความรู้สึกเย็นสบายของมนุษย์เรา หลักๆ คือ อุณหภูมิ และ ความชื้นสัมพัทธ์ เขาถึงเอาสองตัวชี้วัดนี้มาใช้วัดคุณภาพของอากาศด้วยไง และสิ่งที่เป็นปัจจัยต่อการปรับอุณหภูมิของแอร์ก็จะมี อุณหภูมิ, ความชื้นสัมพัทธ์, สภาพอากาศ และ แสงอาทิตย์ (ช่วงเวลาของวัน และความสว่าง) ลองนึกดูสิครับวันไหนอากาศนอกบ้านร้อน เราต้องเปิดแอร์เย็นว่าปกติหน่อย แต่หากวันไหนฝนตก เราก็ต้องปรับแอร์ให้อุณหภูมิสูงหน่อย ใช่แมะ
แต่แอร์ทั่วไปนั้น จะพิจารณาอุณหภูมิเป็นหลักเท่านั้นเอง ส่งผลให้เราต้องคอยปรับแอร์อยู่เป็นระยะๆ เพื่อให้เราอยู่ในห้องได้อย่างสบายๆ ตรงนี้แหละ ที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) เข้ามาตอบโจทย์
Ambi Climate 2 นี่จะเอาข้อมูลจากเซ็นเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ, ความชื้นสัมพัทธ์ ซึ่งได้จากเซ็นเซอร์ของมันเอง มารวมกับข้อมูลช่วงเวลาของวัน และสภาพอากาศภายนอก (ที่ได้จากอินเทอร์เน็ต) มาช่วยในการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม การใช้งานในโหมด Comfort เลยเป็นจุดเด่นของเจ้านี่ยังไงล่ะ เพราะมันจะเรียนรู้ความชอบของเรา เอามารวมกับข้อมูลความชอบของผู้ใช้งานทั่วโลก และปรับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม ด้วยการปรับแอร์เป็นระยะๆ ตามสมควรนั่นเอง

เมื่อใช้งานไปพักใหญ่ๆ ตัวแอปจะสามารถให้ข้อมูลแก่เราได้ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ ทั้งภายในและนอกบ้าน รวมถึงข้อมูลการ Feedback ที่เราให้กับตัวแอปไป ทำให้เราเรียนรู้ได้ว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนที่เราจะรู้สึกสบาย

ผมลองเทียบความแม่นยำของเซ็นเซอร์ในการวัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของตัว Ambi Climate 2 กับ Xiaomi Mi Jia Multifunction Air Monitor ดู แล้วพิจารณาจากความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความเย็นสบาย ผมพบว่าค่าที่วัดได้แตกต่างกันพอสมควรเลยแหละ ทั้งในส่วนของอุณหภูมิและในส่วนของความชื้นสัมพัทธ์
หากเกิดความคลาดเคลื่อน ในแอปให้เราสามารถทำการ Calibrate ตัวเลขได้ครับ เพียงแต่ว่ามันมีข้อจำกัดในการปรับตัวเลข คือ อุณหภูมิปรับได้แค่ +/- 3 องศา ส่วน ความชื้นสัมพัทธ์ปรับได้ +/- 10% ซึ่งผมได้ลองพยายามปรับแล้ว แต่ขนาดปรับบวกไปจนสุด อุณหภูมิก็ยังแตกต่างกันราวๆ 1 องศา แต่ความชื้นสัมพัทธ์นี่ยังอยู่ในช่วงที่ปรับให้ใกล้เคียงได้ แต่ค่าของเซ็นเซอร์ก็ยังวิ่งแกว่งๆ อยู่ แล้วมีความแตกต่างกันราวๆ 3%-5% อยู่ดี
การที่เจ้านี่สามารถเชื่อมต่อกับ alexa หรือ Google Assistant ได้มันทำให้เราสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้เลยครับ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ผมไขว่คว้าหามานานมาก เพราะตอนนี้ในห้องนอนของผมนี่ สั่งหลายๆ อย่างด้วยเสียงได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพัดลม (ใช้ Smart plug) ไฟ (ใช้ Philips Hue) หรือแม้แต่เครื่องฟอกอากาศ (ใช้ Xiaomi Mi Jia Air Purifier 2S) ตอนนี้ผมก็สามารถสั่งงานเปิดปิดแอร์ เปลี่ยนอุณหภูมิแอร์ได้ด้วยเสียงแล้ว เย่ๆ

ความสามารถอื่นๆ ก็เช่น การตั้งค่าทำงานอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดเมื่อถึงเวลาที่กำหนด หรือเมื่ออุณหภูมิถึงที่กำหนด ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟได้พอสมควร โดยเฉพาะในบางฤดูกาลที่อากาศมันเย็นๆ อยู่แล้ว เป็นต้น
หรือจะตั้งให้ระบบจดจำตำแหน่งที่ตั้งของบ้านเอาไว้ สร้าง Geofencing ขึ้นมา แล้วเมื่อเราเดินทางมาถึงบ้าน แอปก็จะใช้ตำแหน่งของสมาร์ทโฟนเป็นตัวบอก แล้วแจ้งไปที่ Ambi Climate 2 ให้เปิดแอร์ ปรับอุณหภูมิตามที่เราต้องการเอาไว้ได้
บทสรุปการรีวิว Ambi Climate 2
Ambi Climate 2 นี่ แค่ขั้นพื้นฐาน ใช้งานในฐานะรีโมทแอร์ ก็ช่วยแปลงแอร์บ้านแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแอร์อัจฉริยะประมาณนึงเลยแหละ ไม่ว่าจะเพิ่มฟีเจอร์การสั่งงานด้วยเสียง การทำงานอัตโนมัติ แต่ถ้าเพิ่มเรื่องการใช้ AI เข้ามาช่วยปรับอุณหภูมิด้วย ก็ยิ่งทำให้เจ้านี่มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นมากทีเดียวครับ

ในระยะยาว ทาง Ambi Labs บอกว่า เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยให้ประหยัดค่าไฟของแอร์ได้มากถึง 30% เลยทีเดียว อันนี้เดี๋ยวในระยะยาวก็ต้องรอดูไปครับ แต่ที่แน่ๆ จากที่ผมได้ลองใช้งานมา ผมรู้สึกได้ว่าถ้าเกิดเราให้ข้อมูลแก่ AI ไปมากพอ (คงต้อง Feedback ไประดับร้อยครั้ง) เจ้านี่จะช่วยปรับแอร์ให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้อุณภูมิห้องที่คงที่ เรารู้สึกสบายแน่นอน