เมื่อเอ่ยถึงชื่อจังหวัดในภาคใต้ที่เป็นที่นิยมเที่ยวกัน ทุกคนคงจะนึกถึงพวก ภูเก็ต พังงา สงขลา (หาดใหญ่) และสุราษฎร์ธานี กันมากกว่า ระนอง กับกระบี่ ก็อาจจะรองๆ ลงมา แต่ผมอยากบอกว่า พัทลุง ก็มีดีเหมือนกันนะ วางแผนเดินทางดีๆ เที่ยว 3-4 จังหวัด ไล่จากหาดใหญ่ สงขลา ไปวนๆ แถวๆ พัทลุง ตรัง สตูล (เกาะหลีเป๊ะ) ได้เลยนะเออ และบล็อกตอนนี้ จะขอเล่าประสบการณ์ล่องเรือชมความสวยงามของยอยักษ์ยกตะวันกันซะหน่อย
มาเที่ยวพัทลุงนี่เป็นส่วนหนึ่งของการเที่ยวภาคใต้ครั้งนี้ของผม ซึ่งตั้งใจว่าจะเที่ยว พัทลุง, สตูล (เกาะหลีเป๊ะ) และ ตรัง ครับ สำหรับจังหวัดพัทลุงนี่ ผมเดินทางจากกรุงเทพมหานคร มานอนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วขับมาอีกราวๆ 223 กิโลเมตร เพื่อมาถึงที่พักในจังหวัดพัทลุง จากนั้นก็ขับวนๆ เที่ยวในจังหวัดพัทลุง พร้อมล่องเรือชมยอยักษ์ ถ้าคุณมีเวลาประมาณ 1 วัน 1 คืน นี่คือสิ่งที่คุณน่าจะทำได้ที่จังหวัดพัทุลงครับ
เที่ยวชมศูนย์เรียนรู้ นาโปแก
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ค่อนข้างใหม่ที่จังหวัดนี้ครับ เป็นสถานที่ที่มีมุมสวยๆ ให้คุณได้ถ่ายภาพเยอะมาก มีของกินให้เลือกเดินชิมตามอัธยาศัย และมีแปลงนาสาธิตให้นักท่องเที่ยวได้ลองมาเรียนรู้วิถีเกษตรกรไทย ได้ลองเกี่ยวข้าว ไถนา ดำนา อะไรพวกนี้ด้วย (ติดต่อที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้า)




เดินชมเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะซื้อหาอะไรทาน หากาแฟดื่ม นั่งฟังเพลงที่ขับกล่อมบรรเลงสบายๆ ไปด้วย หรือจะเลือกมาพักที่นี่ เขาก็มีโฮมสเตย์ให้ด้วยนะ แต่อาจจะต้องทำใจหน่อยเวลาตื่นมาแล้วเจอนักท่องเที่ยวมายืนโพสต์แถวหน้าห้องพักครับ
การเดินทางไม่ยาก หาไม่ลำบาก เพราะอยู่ริมถนน เห็นชัดเจนมา ทั้งรถยนต์ รถทัวร์ มาจอดกันตรึม ไม่ต้องกลัวว่าจะขับแล้วเลย แถมที่จอดรถก็มีพอสมควร สบายๆ ค้นจาก Google Maps ก็เจอเลย ที่นี่เปิดทุกวันครับ โดย วันจันทร์-ศุกร์ เปิดและปิดเวลา 08.30-17.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดและปิดเวลา 08.00-18.30 น.
ขับรถกินลมบนสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถ่ายรูปบ้านแฝด ดูนก ดูควายน้ำ
ชื่อเต็มๆ คือ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 หรือที่หลายๆ คนรู้จักในชื่อ สะพานเอกชัย ประกอบไปด้วยสามช่วง เริ่มตั้งแต่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ข้ามทะเลน้อย ไปจบลงที่ อ.ระโนด จ.สงขลา มีระยะทางรวม 14.130 กิโลเมตร แต่เฉพาะช่วงที่เป็นสะพาน (เขาเรียกทางยกระดับ) มีระยะทาง 5.450 กิโลเมตร ถือเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย บอกตรงๆ ว่า ขับรถกินลมชมวิวนี่ชิลมากๆ ผมนี่ขับเพลินๆ เกือบข้ามไปสงขลาแล้ว (ฮา)
ไหงถึงเรียกว่าสะพานเอกชัย?
จากข้อมูลที่ผมไปค้นมา เขาบอกว่าเป็นเพราะในช่วงที่ก่อสร้างสะพาน นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เอกชัย ศรีวิชัย เขาเปิดคอนเสิร์ตระดมทุนหาเงินก่อสร้างสะพาน คนก็เลยเรียกติดปากว่าสะพานเอกชัยไปซะเลย (ซะงั้นอ่ะ)



ระหว่างทาง บนสะพาน มันจะมีจุดแวะจอดพักรถชมวิวเป็นระยะๆ ครับ แนะนำว่าอย่าพลาดแบบผม เอากล้องเลนส์ซูมดีๆ มาด้วย เพราะสามารถถ่ายนกหลากหลายพันธุ์ได้ (ตามถนนจะมีป้ายแนะนำพันธุ์นกเป็นระยะๆ ด้วย) และเราจะได้เห็นควายน้ำ ซึ่งเป็นควายของพวกชาวบ้าน ที่มาอาศัยอยู่ในน้ำเพื่อหากินพวกบัว หรือพืนน้ำต่างๆ เป็นระยะๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ก็มี “บ้านร้างแฝด” ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวชอบมาจอดรถถ่ายรูปกันด้วยเช่นกัน ตลอดเส้นทาง มีเลนจักรยานชัดเจน เอาจักรยานมาขี่เป็นทริปจักรยานก็ชิล (รถยนต์ไม่ขวักไขว่มาก แต่อาจต้องระวัง เพราะมันเป็นเส้นทางตรงยาว รถยนต์อาจจะขับเร็ว) หรือใครอยากลองขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็ย่อมได้เช่นกัน (ผมเองยังแอบเสียดายที่ไม่ได้เอามา)
ล่องเรือชมยอยักษ์ยกตะวัน ดูทุ่งบัวแดง ดูควายน้ำ
การล่องเรือชมยอยักษ์ จะสวยมากตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น ฉะนั้น เราต้องหาที่พักครับ ซึ่งที่นิยมกันก็จะมีที่ทะเลน้อย และที่ปากประ ของผมผมเลือกไปพักที่สายคลองสองเล รีสอร์ท ซึ่งเป็นโฮสสเตย์ของชาวบ้านแถวๆ ปากประนั่นแหละ คืนนึงพันนึงสำหรับห้องสองคน สภาพห้องดีทีเดียว สิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีร้านอาหารชื่อ ยกยอ อยู่ใกล้ๆ อาหารอร่อย ไม่แพง จานบะเริ่ม ไปกันหลายๆ คนจะสนุกมาก และจะประหยัดค่าเรือด้วย เพราะเขาคิดแบบเหมาลำ 1,000 บาท เราสามารถไปแชร์เรือกับแขกที่มาพักด้วยได้

ทริปเรือจะเริ่มตอนราวๆ 6 โมงเช้าครับ และจะเริ่มจากการพาไปชมยอยักษ์ก่อน แล้วเราจะวนๆ อยู่ตรงนี้ประมาณ 40-45 นาที จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าชัดเจน เพราะช่วงนี้ฟ้าจะเริ่มทอแสงทองของวันใหม่ ถ่ายภาพวิวยอยักษ์คือดีงามมากมาย



ถัดจากยอยักษ์ เขาก็จะขับเรือพาเราไปดูควายน้ำออกหากิน ซึ่งมีให้เห็นอยู่นิดหน่อยตรงปากประ แล้วก็ขับวนออกไปดูต้นลำภูกลางน้ำ ซึ่งอย่าคิดว่ามันก็แค่ต้นไม้นะครับ วิวของเงาต้นลำภูที่ตัดกับแสงอาทิตย์แรกของวันใหม่ มันสวยมากๆ ถ้ามีกล้องดิจิทัลที่เป็นเลนส์มุมกว้าง และถ่าย HDR ได้สวยๆ คือดีงามมาก


จากนั้นเรือก็จะพาเราไปลอดใต้สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ตัดเข้าไปตรงทะเลน้อย ไปดูทุ่งบัวแดง ซึ่งในระหว่างนั้น เราก็จะได้เห็นเหล่าควายน้ำออกหากินด้วย ปิดท้ายด้วยการชมดอกสาหร่าย (เออ ผมก็เพิ่งรู้ว่าสาหร่ายมีดอกด้วย) และวนกลับมาผ่านทุ่งบัวแดงอีกรอบ ก่อนที่จะวนเรือกลับมายังที่พักครับ





ทั้งหมดทั้งสิ้น กินเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ อย่างกรณีของผมนี่ กว่าจะกลับมาถึงที่พักก็เกือบ 9:00 แล้ว สำหรับ สายคลองสองเล รีสอร์ท มาถึงก็จะมีปิ่นโตอาหารเช้ามารอครับ น่ารักดี โดยอาหารเช้าสำหรับสองท่าน ก็จะประกอบไปด้วยไส้กรอกสองเส้น ไข่ดาวสองฟอง และขนมปังทาแยม 2 แผ่นประกอบกัน แล้วหั่นเป็น 4 ส่วน


สำหรับใครที่สนใจอยากติดต่อที่พัก สายคลองสองเล รีสอร์ท ปากประ โทรติดต่อได้ที่ 084-076-6251 ครับ การเดินทางมายังรีสอร์ทไม่ยาก Google Maps นำทางไปได้เลย แต่อย่าเพิ่งตกใจว่ามันพามาที่แปลกๆ เพราะมันพาตัดเข้ามากลางนา แต่นั่นเพราะว่าถ้าเราวิ่งมาตามถนนหลวง มันโคตรอ้อมเลยครับ วิ่งลัดมาตามที่ Google Maps แนะนำแหละดีแล้ว ถ้ายังไม่มืด เพราะถนนเป็นคอนกรีต ดีงามอยู่
