ตอนแรกนึกว่ากระแสของฝุ่นละออง PM2.5 จะเงียบๆ ลงไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ เผลอแป๊บเดียวมันก็โผล่มาใหม่ เหมือนจะเตือนสติเราว่า PM2.5 อยู่รอบตัวเรา ไม่ได้หายไปไหนไกลเลย ฉะนั้นผมก็คิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะรีวิวเครื่องฟอกอากาศอีกซักเครื่อง แต่งวดนี้มีผู้เอื้อเฟื้อเอาเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Atmosphere Drive จาก Amway มาให้ผมยืมรีวิวในระหว่างทริปลงใต้ของผมคราวนี้ครับ

ก่อนอื่น ผมขอออกตัวก่อนว่า ปัจจัยในการซื้อเครื่องฟอกอากาศภายในรถยนต์นั้น ไม่ควรจะเป็นเรื่องของ PM2.5 นะครับ เพราะโดยปกติแล้ว รถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบกรองของเครื่องปรับอากาศค่อนข้างดี หากเรามีการบำรุงรักษาตามความเหมาะสมแล้ว ค่า PM2.5 บอกตรงๆ ว่า ไม่เยอะ ต่อให้มันจะแว้บเข้ามาบ้างตอนที่เปิดปิดประตู พอผ่านไปซักระยะ ค่า PM2.5 จะอยู่ต่ำกว่า 20 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเองแหละ แต่ที่ต้องระวังจริงๆ น่ะ คือค่า TVOC กับคาร์บอนไดออกไซด์ต่างหากล่ะ ซึ่งผมเคยเขียนถึงไปแล้วในบล็อก ฝุ่น PM2.5 … ให้ป้องกัน ไม่ใช่ให้กลัวกันจนนอยด์
ผมใช้อะไรวัดค่าคุณภาพอากาศ?
อุปกรณ์วัดคุณภาพอากาศที่ผมใช้ในบทความนี้ เป็น Xiaomi Mi Jia Air Quality Monitor ครับ

เครื่องฟอกอากาศ Atmosphere Drive ของ Amway ตัวนี้ สนนราคาเต็มๆ สำหรับบุคคลทั่วไป (ไม่ใช่สมาชิก Amway) คือ 16,470 บาทครับ หน้าตาก็เป็นแบบในรูปครับ มีขนาดใหญ่ประมาณนึง (กว้าง 181 มม. ยาว 238 มม. และ สูง 75 มม.) แต่น้ำหนักไม่มาก (850 กรัม) วัสดุทำมาจากพลาสติก มาพร้อมกับสายไฟยาวๆ ที่เป็นอะแดปเตอร์ในรถยนต์ ถอดเก็บได้

ตัวเครื่องใช้งานไม่ยากครับ มีหน้าปัดควบคุมอยู่ที่เดียวเลยตรงด้านหน้า ซ้ายมือเป็นไฟ LED แสดงสถานะว่าได้เวลาเปลี่ยนกรองหรือยัง ถ้าไฟยังเป็นสีเขียว แสดงว่าปกติ ไฟเป็นสีเหลืองแสดงว่าใกล้ได้เวลาเปลี่ยนกรองแล้ว เตรียมซื้อมารอเลย พอเป็นสีแดงปุ๊บ คือเปลี่ยนกรองได้แล้วจ้า
ตรงกลาง มีไฟ LED อีกสามดวง ที่อยู่เหนือปุ่มเปิดปิด ถ้าสีเขียวติดดวงเดียว คืออากาศคุณภาพดี แต่ถ้ากลายเป็นสีเหลืองติดสองดวง คืออากาศสกปรก และหากเป็นสีแดงติดสามดวงละก็ แสดงว่าอากาศสกปรกมาก (ก็ไม่รู้ว่าจะมีไฟไปสามดวงทำไม ดวงเดียว เปลี่ยนสีเอาก็พอแล้วนะ)
ส่วนขวาสุด ด้านล่างจะเป็นปุ่มปรับระดับความแรงของลม มีให้เลือกสามระดับ (จากบนลงล่าง) คือ อัตโนมัติ แรง และ เบา

ตัวกรองของ Atmosphere Drive ถอดเปลี่ยนได้ง่ายๆ เลยครับ ขนาดไม่ต้องอ่านคู่มือใดๆ ก็แกะออกมาสบายๆ เลย ตัวกรองนี่จะเห็นด้านนึงเป็นสีขาว อีกด้านเป็นสีดำๆ เทาๆ ภายในตัวกรอง ตามสเปกบอกว่ามันมี 3 ขั้นตอน คือ
- กรอบหยาบ ที่เอาไว้กรองพวกเศษผงขนาดใหญ่ เช่น เส้นผม ขนสัตว์
- กรองฝุ่น ที่ดักจับพวกฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ควันบุหรี่ (พวก PM2.5 ก็น่าจะโดนจับไปตรงนี้แหละ)
- กรองกลิ่น เอาไว้ขจัดพวกกลิ่นสัตว์เลี้ยง และสารอินทรีย์ระเหย (TVOC)
ตามสเปกแล้ว เขาว่าสามารถกรอง PM2.5 ได้ 99% ลดสิ่งปนเปื้อนได้กว่า 300 ชนิด (เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ฯลฯ) ลดสารอินทรีย์ระเหยได้ 10 ชนิด (เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซิน โทอูลิน ฯลฯ) ซึ่งอย่างที่ผมบอก ถ้าจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ มันต้องดูที่เรื่องการกรองพวก TVOC และขจัดกลิ่นมากกว่าครับ เพราะภายในรถอ่ะ PM2.5 มันไม่ได้เยอะอยู่แล้ว
ราคาของไส้กรองนี่อยู่ที่ 3,295 บาทสำหรับคนทั่วไปครับ ราคาแอบแรงอยู่ แต่ว่าก็ไม่ใช่ของที่เปลี่ยนกันบ่อยๆ ครับ แต่ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะใช้ได้นานมากแค่ไหนกว่าจะเปลี่ยน เพราะว่าได้มารีวิวแค่สั้นๆ เนาะ หุหุ
จุดขายอีกอย่างนึงของเจ้านี่คือ เขาได้รับมาตรฐานรับรองการกำจัดสารก่อภูมิแพ้ Allergy UK Seal of Approval ด้วย เห็นว่าเป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในโลกด้วย แต่อย่าไปคิดอะไรมากกับ Marketing term พวกนี้เลยครับ เอาเป็นว่าเจ้านี่มีความสามารถในการกำจัดสารภูมิแพ้ เช่น ขนหมา ขนแมว เชื้อรา ไรฝุ่น เกสรดอกไม้

วิธีการติดตั้ง เลือกได้สองวิธี แบบแรกคือเอาสายรัดมาติดกับพนักพิงหัวของคนขับ หรือคนนั่งด้านหน้าก็ได้ แต่วิธีนี้ผมไม่ได้ลอง เพราะมันกดปุ่มลำบากอะผมว่า ไม่สะดวก ข้าม … แต่สำหรับรถบางรุ่นบางยี่ห้อ ที่ไม่สามารถติดตั้งอีกแบบได้ ก็ต้องเลือกใช้วิธีนี้ครับ

จุดติดตั้งอีกจุด ตามที่เขาบอก ก็คือตรงพนักแขนระหว่างที่นั่งด้านหน้านั่นแหละครับ ซึ่งรถที่มีขนาดใหญ่ประมาณนึงจะมี แต่พวก Eco car อาจจะไม่มี แต่จุดติดตั้งจุดนี้ ใช้งานสะดวกสุด อยากกดปุ่มโน่นนี่ก็ทำได้ง่ายๆ และสังเกตพวกการแสดงผลต่างๆ ไม่ยาก

อย่างบอกครับ อยู่ในรถอะ ค่า PM2.5 ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ แต่ที่น่าเป็นห่วงน่ะคือค่าสารอินทรย์ระเหย (TVOC) และคาร์บอนไดออกไซด์ต่างหาก ดูสิ TVOC 3.229 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว คาร์บอนไดออกไซด์ก้ 1,846ppm

พอวัดค่าเสร็จ ก็เปิดใช้งาน Atmosphere Drive ครับ ผมพบว่า ถ้าเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติแล้ว มันใช้เวลานานพอสมควรเลยครับ กว่าค่าอะไรๆ จะลดลง ตรงนี้เข้าใจว่าเพราะตัวเครื่อง มันปรับแรงลมอัตโนมัติตามปริมาณฝุ่นละออง ซึ่งเมื่อค่า PM2.5 มันต่ำอยู่แล้ว ก็ส่งผลให้เจ้านี่ทำงานแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ก็เรียกว่ารอให้มันทำงานจนฟอกอากาศในรถเกือบหมดเลยละมั้ง ลืมไปเลยแหละว่ารอวัดค่าอยู่ (ฮา) นึกได้อีกที ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าจ้า แหะ แหะ แต่เห็นได้เลยว่า ค่า TVOC ลดลงแบบเห็นชัดเจนมากครับ และเห็นว่าคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงเล็กน้อยด้วย แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศไหม เพราะนึกไม่ออกว่าฟังก์ชันอะไรจะมาช่วยตรงนี้ได้
ถ้าอยากให้ทำงานฟอกอากาศทำงานไวๆ ต้องกดปุ่มเร่งแรงลมเป็นแรงสุดเลย จะดีสุดครับ

จุดนึงที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับเจ้า Atmosphere Drive นี่ก็คือ มันต้องใช้อะแดปเตอร์รถใช่มะ ซึ่งเดี๋ยวนี้คนเราใช้ไอ้ช่องนี้ในการเสียบอะแดปเตอร์สำหรับแปลงไฟรถมาเป็น USB เพื่อชาร์จพวกสมาร์ทโฟน หรือกล้องติดรถยนต์กันแล้ว แล้วไอ้เจ้านี่ก็ไม่มีพอร์ต USB แยกออกมาให้อีก ส่งผลให้เราต้องวุ่นวายไปหาซื้อตัวอะแดปเตอร์ติดรถที่มีพอร์ต USB พร้อมๆ กับช่องเสียบอะแดปเตอร์แบบใช้กับรถแบบด้านล่างนี่มาเพิ่ม กลายเป็นเสียตังค์เพิ่มเข้าไปอีก ดีว่ามันอันนึงไม่กี่ร้อยบาทอะนะ

บทสรุปการรีวิวเครื่องฟอกอากาศ Atmosphere Drive ของ Amway
ถ้าคุณจะซื้อเจ้านี่ ต้องไม่ใช่เพื่อฟอกอากาศกำจัด PM2.5 ครับ ผมต้องขอย้ำซ้ำๆ เลยว่า PM2.5 ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ไม่ได้สูงอะไรมากแต่อย่างใด ถ้าไม่แน่ใจ ไปหาซื้อเครื่องวัดมาวัดก่อนก็ได้ แต่ถ้าคุณจะซื้อเจ้านี่ มันต้องเพราะว่าคุณอยากฟอกอากาศ กำจัดพวกสารก่อภูมิแพ้ ขจัดพวก TVOC และแบคทีเรียครับ (เพราะแบคทีเรียมีขนาดเล็กว่า PM2.5) ครับ เพราะราคาของเจ้านี่มันไม่ใช่ย่อยๆ นะเกือบสองหมื่นบาท ถ้าจะซื้อเพื่อดัก PM2.5 เนี่ย ซื้อตัวละไม่กี่พันบาทเอาก็ได้ครับ
ใครสนใจ ติดต่อมาที่อินบ็อกซ์เพจกาฝากนะครับ ที่ https://m.me/kafaakblog จะไปติดต่อผู้ใหญ่ใจดีให้นะครับ
ใช้แอปอะไรตรวจค่าในรถครับ
ผมมีอุปกรณ์ตรวจครับ ช่วงที่มี PM2.5 เลยซื้อมาขำๆ