ปลายปีที่ผ่านมา ผมว่านี่เป็นข้อถกเถียงกันสำหรับหลายๆ คนเลย โดยเฉพาะคนที่สนใจอยากได้กล้องวิดีโอและภาพนิ่งขนาดกะทัดรัด แต่สเปกเพียบพร้อม GoPro Hero 7 Black 14,500 บาท กับ DJI Osmo Pocket 13,500 บาท คือสองตัวที่ราคาและสเปกใกล้เคียงกัน และถูกนำมาเปรียบเทียบกันมาก … แล้วเผอิญมันก็มาอยู่ในมือผมทั้งคู่พอดี งั้นถึงตาผมลอง แล้วเปรียบเทียบให้ดูกันบ้างครับ
ใครยังไม่ได้อ่านรีวิว DJI Osmo Pocket ของผมแบบเต็มๆ ก็ไปอ่านกันก่อนได้นะครับ แต่ส่วนของ GoPro Hero 7 Back นี่ รอก่อนนะ เดี๋ยวมีรีวิวให้อ่านอีกที … บล็อกตอนนี้จะขอเปรียบเทียบสองรุ่นนี้ให้ได้อ่านกันก่อน
เปรียบเทียบกันที่สเปกก่อน
แม้ว่าสองตัวนี้จะถูกนำเอามาเปรียบเทียบกัน แต่ก็ต้องขอบอกว่าสเปกของมัน มีแค่บางส่วนที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็มีอีกหลายๆ จุดที่แตกต่างกันพอสมควรเลยนะครับ มาดูกันง่ายๆ แบบนี้
สเปกที่จะเปรียบเทียบ | GoPro Hero 7 Black | DJI Osmo Pocket |
เซ็นเซอร์ภาพ | เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.8 | เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 |
ขนาดตัวกล้อง | 44.9×62.3×28.3 มม. | 121.9×36.9×28.6 มม. |
น้ำหนัก | 116 กรัม (เฉพาะตัวกล้อง) | 116 กรัม |
มุมมองของกล้อง | 102 องศา (Linear shot) 149 องศา (Wide-angle shot) | 80 องศา (เทียบเท่าเลนส์ 26 มม.) |
ถ่ายวิดีโอ | 4K @ 60fps 1080p @ 240fps Slo-mo Timelapse | 4K @ 60fps 1080p @ 120fps Slo-mo Timelapse, Motionlapse |
ถ่ายภาพนิ่ง | 12 ล้านพิกเซล | 12 ล้านพิกเซล |
คุณสมบัติอื่นๆ | – กันน้ำลึก 10 เมตร – ถ่ายวิดีโอแบบกันสั่นด้วยคุณสมบัติ HyperSmooth – ถ่ายภาพแบบ HDR – แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ | – กันสั่นแบบ 3 แกน – ควบคุมการแพนและ Tilt ของกล้องได้ – แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนไม่ได้ |
ถ้าดูจากแค่สเปก จะเห็นว่า DJI Osmo Pocket จะได้เปรียบเรื่องของการกันสั่น เพราะเจ้านี่ถูกออกแบบมาในฐานะกิมบอลติดกล้องในตัว และมีรูรับแสงกว้าง จึงน่าจะถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดี ในขณะที่ GoPro Hero 7 Black นั้นได้เปรียบในเรื่องของภาพมุมกว้างกว่ามาก กันน้ำกันฝุ่นได้ดี เหมาะสำหรับการเอาไปใช้งานแบบแอ็คชันเต็มๆ มากกว่า
ในแง่ของการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ ผมว่าแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนจริงๆ เพราะจะว่าไปแล้ว การถ่ายวิดีโอที่ 4K @ 60fps ก็ถือได้ว่ามากเพียงพอต่อการใช้งานทั้งหลายแล้ว เพียงแต่ GoPro Hero 7 Black จะได้เปรียบตรงที่ถ่ายวิดีโอ 1080p ได้ที่ 240fps เลย (Slo-mo 8x) ในขณะที่ DJI Osmo Pocket จะได้แค่ 1080p ที่ 120fps (Slo-mo 4x) เท่านั้นเอง
การใช้งาน GoPro Hero 7 Black เทียบกับ DJI Osmo Pocket
ผมลองกดเปิดใช้งานเทียบกันดู ทั้งคู่ก็พร้อมใช้งานภายใน 5 วินาที ถือว่ารวดเร็วพอสมควร และด้วยความที่ต่างก็ถ่ายวิดีโอ 4K ได้สูงสุดที่ 60fps ดังนั้นการใช้ MicroSD card ขั้นต่ำๆ ควรเป็น SanDisk Extreme คลาส V30 A1 ที่สามารถเขียนบึนทึกข้อมูลได้ที่ 60MB/s เป็นอย่างน้อยครับ
หน้าจอแสดงผล และการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าของ GoPro Hero 7 Black ส่งผลให้มีขนาดหน้าจอแสดงผลใหญ่ตามด้วย หน้าจอเป็นแบบสัมผัส สั่งงานได้สะดวกอยู่ User Interface ก็เข้าใจได้ไม่ยาก

สมาร์ทโฟนจะเชื่อมต่อกับกล้อง GoPro Hero 7 Black ผ่าน WiFi ใช้สมาร์ทโฟนเป็นมอนิเตอร์ดูภาพจากกล้อง และสั่งงานต่างๆ ได้รวมถึงชัตเตอร์
ในขณะที่ DJI Osmo Pocket แม้จะขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มาก แต่ก็ยังมีหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสให้ใช้งาน ซึ่ง User Interface ก็ใช้งานไม่ยุ่งยากเช่นกัน เพียงแค่หน้าจอแอบเล็กไปหน่อยเท่านั้นเอง

แต่การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนนั้น ถ้าไม่ซื้ออุปกรณ์เสริม WiFi module มา ก็จะไม่สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ ต้องทำผ่านพอร์ตเชื่อมต่อเท่านั้น ซึ่งจะทำให้การใช้งานไม่ยืดหยุ่นเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มองเรื่องหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ของสมาร์ทโฟนละก็ ซื้อตัว Controller wheel มาจะดีกว่าครับ
แบตเตอรี่และการถ่ายแบบต่อเนื่อง
ในแง่ของการถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง ต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไปจริงๆ เพราะ
- GoPro Hero 7 Black ถ่ายได้ทุกสถานการณ์กว่า เนื่องจากกันน้ำกันฝุ่น ฉะนั้นหมดห่วงในเรื่องพวกนี้ ขณะเดียวกัน มันก็ถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนได้ด้วย แต่ก็จะถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่และ MicroSD card ยากกว่า DJI Osmo Pocket นิดหน่อย เพราะทุกจุดมันมีฝาปิดแน่นหนา (เป็นเรื่องของการกันน้ำกันฝุ่น)
- DJI Osmo Pocket แม้ว่าจะถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ได้ แต่มันสามารถชาร์จผ่าน PowerBank ไว้ได้ครับ แต่ก็จะวุ่นๆ กับการถือ PowerBack อยู่หน่อย แต่การถอดเปลี่ยน MicroSD card นี่ รวดเร็วกว่า GoPro Hero 7 Black พอสมควร เพราะสล็อตมันเปลือยๆ ให้เห็นชัดๆ
มุมกล้อง และคุณภาพของภาพและวิดีโอที่ได้
ในแง่ของมุมกล้อง และคุณภาพของภาพที่ได้จากกล้อง GoPro Hero 7 Black ก็อยู่ที่ว่าเราถ่ายภาพด้วยโหมดอะไรนะครับ ภาพด้านล่างนี่จะเป็น Linear shot จะได้ภาพที่มุมกว้าง 102 องศา ก็เรียกว่ามุมยังกว้างอยู่ และเกิด Distortion ของภาพน้อย (สังเกตจากเส้นแนวกำแพงที่ยังตรงดี) แต่ในบางมุมมันก็ยังเกิด Distortion ได้อยู่

ส่วน Wide-angle shot ของ GoPro Hero 7 Black นั้นจะได้ภาพที่กว้างมากๆ ก็ตั้ง 149 องศานี่นะ ฉะนั้นเวลาถ่ายภาพก็จะสามารถเก็บได้เยอะขึ้น แต่ว่ามันก็มีข้อจำกัดคือ ภาพจะเกิด Distortion คือ เส้นตรงมันจะไม่ตรงซะทีเดียว ถ้าไม่อยากให้มันต้องบิดเบี้ยวแบบนี้ ก็มาแก้ด้วยซอฟต์แวร์ได้ครับ ใช้ Photoshop ก็ได้ หรือของฟรีอย่าง Gimp ก็ช่วยเราได้เช่นกัน

กลับมาดูที่ภาพของ DJI Osmo Pocket บ้างว่าเป็นยังไง ดูรูปด้านล่างนี่ครับ ภาพจากมุมกล้อง 80 องศา เทียบกับ GoPro Hero 7 Black แล้ว รู้สึกได้เลยว่าภาพออกแนวเทเลโฟโต้มากทีเดียว ในแง่ของความละเอียดของภาพถือว่าทำได้ดีไม่แพ้กันครับ

แต่จุดที่ DJI Osmo Pocket แพ้ GoPro Hero 7 Black ก็คือการถ่ายภาพแบบ HDR ครับ เวลาถ่ายพวกท้องฟ้ากลางแจ้ง ถ่ายแบบย้อนแสงประมาณนึง อะไรแบบเนี้ย ภาพจะเสียรายละเอียดไปให้ส่วนที่สว่างจ้าไปหน่อย ถ่ายท้องฟ้าก็ไม่ได้ฟ้าซะทีเดียว
ในด้านของการกันสั่นนั้น … ลองถ่ายวิดีโอด้วย GoPro Hero 7 Black แบบ HyperSmooth เทียบกับ DJI Osmo Pocket กันดูเลยครับ … ขี้เกียจตัดต่อมาแปะข้างๆ กัน ดังนั้น ไปดูทีละคลิปเอาเองนะฮะ อยากดูเทียบแบบวางข้างๆ กัน ก็เปิดสองแท็บ แล้วย่อมาแท็บละครึ่งหน้าจอเอาบนคอมพิวเตอร์นะฮะ
ถ้าดูวิดีโอดีๆ จะรู้สึกว่าทำไมภาพจาก DJI Osmo Pocket มันดูไม่เรียบเท่าไหร่ นั่นเพราะผมเลือกโหมดเป็น FPV (First Person View) ครับ ตัวกล้องมันเลยเอียงตามการถือของผมไปหน่อย (ฮา) … แต่ที่ทึ่งคือ HyperSmooth ของ GoPro Hero 7 Black นี่ทำได้เนียนดีมากทีเดียวนะ เรียกว่าไม่แพ้กิมบอลเลยเหอะ แต่มันมีข้อจำกัดอยู่ ตรงที่ไม่สามารถเปิด HyperSmooth ได้กับทุกความละเอียดครับ

ในเรื่องการเป็นกิมบอลกันสั่น DJI Osmo Pocket ก็เลยได้เปรียบกว่า เพราะจะถ่ายความละเอียดไหน สัดส่วน 16:9 หรือ 4:3 ก็สามารถกันสั่นได้หมด แต่ GoPro Hero 7 Black นี่ถ้าถ่าย 4:3 จะเปิด HyperSmooth ได้เฉพาะบางความละเอียดเท่านั้น
GoPro Hero 7 Black โดยตัวมันเอง ถ้าไม่ได้ใส่ Shorty (หมายถึงไม้เซลฟี่ที่ยืดได้ ทำตัวเป็น Tripod ได้) เข้าไป การจะถ่ายวิดีโอตัวเองก็จะลำบากหน่อย มันจะดูแปลกๆ แต่ DJI Osmo Pocket มันมีด้ามจับนิดๆ อยู่ในตัวอยู่แล้ว ก็จะพร้อมใช้งานมากกว่า … อันนี้ผมหมายถึงในกรณีที่กะไม่ใส่อุปกรณ์เสริมใดๆ เลยนะ … แต่บอกตรงๆ ว่า ของพวกนี้ใครเขาซื้อมาแบบไม่เอาอุปกรณ์เสริมล่ะ จริงปะ
GoPro Hero 7 Black มันได้เปรียบ DJI Osmo Pocket สองเรื่องหลักๆ เลยครับ ในความเห็นของผม นั่นคือ
- มุมกล้องที่กว้างกว่ามากในโหมด Wide และมุมกล้องที่ยังกว้างกว่าอยู่ดี และมี Distortion ที่ลดลงมาอยู่ในระดับพอรับได้
- การเก็บรายละเอียดของภาพแบบ HDR ได้ดีกว่า อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันทำให้เวลาเราไปถ่ายรูปตอนเที่ยว โดยเฉพาะในที่ที่มีท้องฟ้า ภาพจาก GoPro Hero 7 ดีกว่าจริงจัง
ลูกเล่นต่างๆ เทียบ GoPro Hero 7 Black กับ DJI Osmo Pocket
ในแง่ของลูกเล่น ลองดูตารางด้านล่างนะครับ ผมลองเปรียบเทียบกันให้ดูแบบคร่าวๆ ง่ายๆ แต่สเปกจริงๆ นี่มีรายละเอียดอีกเยอะ เอามาแจกแจงทั้งหมดไม่ไหว (ฮา) ในภาพรวมเนี่ย GoPro Hero 7 Black จะได้เปรียบตรงการถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดแตกต่างกันไป และทำสโลว์โมชันได้มากกว่า DJI Osmo Pocket เลือกความเร็วชัตเตอร์ในโหมดกลางคืนได้ยาวนานกว่ามาก (สูงสุด 30 วินาที)
แต่ DJI Osmo Pocket เด่นกว่าตรงที่การถ่ายภาพนิ่ง สามารถถ่ายแบบพาโนรามาแจ่มๆ ได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องเลย และในโหมดถ่ายกลางคืน ก็ตั้งชัตเตอร์ 8 วินาทีได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องเช่นกัน เพราะมันคือกิมบอล ในส่วนของการถ่ายวิดีโอก็มีตัวเลือกเฟรมเรตให้เลือกมากกว่า ทั้ง 24fps, 25fps และ 30fps ซึ่งต่างก็เป็นเฟรมเรตที่ใช้กันในการตัดต่อวิดีโอทั้งนั้นอ่ะนะ
ฟีเจอร์ | GoPro Hero 7 Black | DJI Osmo Pocket |
การถ่ายภาพนิ่ง | 12 ล้านพิกเซล HDR/RAW ความเร็วชัตเตอร์ 2-30 วินาที | 12 ล้านพิกเซล RAW ความเร็วชัตเตอร์ 1/8,000 – 8 วินาที |
การถ่ายพาโนรามา | ทำไม่ได้ | ทำได้ทั้งแบบ 180 องศา และแบบ 3×3 |
การถ่ายวิดีโอปกติ | 720p @ 60/240fps 1080p @ 24/30/60/120/240fps 2.7K @ 24/30/60/120fps 4K @ 24/30/60fps * เฟรมเรตสูงสุด อยู่ที่ว่าถ่ายแบบมุมกว้างหรือ Linear | 1080p @ 24/25/30/48/50/60/120fps 4K @ 24/25/30/48/50/60fps |
การถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน | ทำได้ 2x/4x/8x * อยู่ที่ความละเอียดของวิดีโอที่เลือกด้วย | ทำได้ 2x/4x * อยู่ที่ความละเอียดของวิดีโอที่เลือกด้วย |
การถ่ายวิดีโอแบบ Timelapse | ทำได้แบบ Timelapse | ทำได้แบบ Timelapse และ Motionlapse |
และแม้ว่าทั้งคู่จะสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Timelapse ได้ แต่ DJI Osmo Pocket อาศัยความได้เปรียบในการเป็นกิมบอล ถ่ายวิดีโอแบบ Motionlapse ได้ด้วยครับ ซึ่งเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ดูวิธีการเซ็ต และตัวอย่างจากวิดีโอของ DJI ด้านล่างครับ
บทสรุปของการเปรียบเทียบ GoPro Hero 7 Black และ DJI Osmo Pocket
เอาความเห็นส่วนตัวของผมเลยนะ ผมไม่คิดว่าการเปรียบเทียบว่า GoPro Hero 7 Black กับ DJI Osmo Pocket อันไหนเจ๋งกว่ากัน เป็นเรื่องที่เหมาะซักเท่าไหร่ เพราะกล้องสองตัวนี้ มีจุดเด่นจุดด้อยกันไปคนละแบบ ซึ่งทำให้มันเหมาะกับงานคนละอย่างจริงๆ
GoPro Hero 7 Black มันคือ Action camera จริงๆ จังๆ คุณไปเล่นสเก็ตบอร์ด สโนว์บอร์ด ว่ายน้ำ ดำน้ำ อะไรแบบนี้ ใช้เจ้านี่คือเหมาะเลย คุณไปท่องเที่ยวกับแฟน กับเพื่อน อยากถ่ายภาพเก็บบรรยากาศแบบเต็มๆ ไม่ต้องคิดไม่ต้องเล็งอะไรมาก ไม่ต้องวางแผนอะไรเยอะมาก (หรือจะวางแผนไปด้วยก็ได้) เลนส์มุมกว้าง (มากๆ) ของ GoPro Hero 7 Black นี่คือตอบโจทย์
แต่ถ้าคุณคือ Vlogger หรือคนทั่วไป ที่อยากเก็บวิดีโอความทรงจำเอาไว้ อยากถ่ายวิดีโอรีวิวการท่องเที่ยว รีวิวร้านอาหาร ถ่ายวิดีโอหนังสั้นแบบง่ายๆ ไม่ต้องการความเป็นมืออาชีพมาก คุณคือคนที่ใช้กิมบอลกับสมาร์ทโฟนในการถ่ายทำวิดีโออยู่แล้ว อยากได้อะไรที่แบบ ง่ายๆ ตัวเดียวจบ ไม่ต้องโปรจนเกินเหตุ และมีลูกเล่นเยอะๆ DJI Osmo Pocket จะเข้ามาช่วยให้ชีวิตคุณสะดวกขึ้น