ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สมัยนี้อะไรๆ ก็เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ไม่ยาก ซึ่งรวมถึงกล้องวงจรปิดด้วย และที่ผมจะรีวิวครั้งนี้ ก็เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ true IoT คือกล้องวงจรปิด CCTV Gen 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ ส่วนจะมีโปรดีๆ เด็ดๆ ราคาโดนๆ ยังไง คอยติดตามกันต่อไปนะครับ
ออกตัวล้อฟรีก่อน…
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนโดย True ครับ แต่การเนื้อหาการรีวิวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเพียงอย่างเดียว ทาง True ไม่ได้มีการกำหนดทิศทางของเนื้อหามาให้แต่อย่างใด
สเปกของ true IoT CCTV Gen 2
มาดูกันว่า true IoT CCTV Gen 2 ตัวนี้มีดียังไงบ้าง เริ่มจากสเปกกันก่อนครับ
- เลนส์กล้องมุมกว้าง 3.6 mm f/1.2
- มีหลอดอินฟราเรด 4 หลอด ระยะอินฟราเรด 10 เมตรใช้ถ่ายในสภาพไร้แสง
- บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด HD 720p (1280×720 พิกเซล) ที่ 20fps สามารถบันทึกภาพนิ่งได้ด้วย
- กล้องสามารถหมุนได้ 355 องศาในแกน X และ 110 องศาในแกน Y
- รองรับ MicroSD card ความจุสูงสุด 128GB สำหรับบันทึกภาพและวิดีโอ
- รองรับการเชื่อมต่อกับ WiFi และ 4G LTE 900/1800/2100MHz หรือ 3G 850/2100MHz
- ความเร็วสูงสุดในการเชื่อมต่อ LTE DL150Mbps/UL50Mbps 3G DL21Mbps/UL5.76Mbps
- เชื่อมต่อเข้าดูภาพจากกล้องได้ผ่านแอป หรือเบราว์เซอร์
- มีลำโพงและไมโครโฟน สามารถบันทึกได้ทั้งภาพและเสียง และยังสามารถให้ผู้ที่เข้าดูกล้อง ส่งเสียงไปออกทางกล้องได้อีกด้วย
แกะกล่องออกมาติดตั้ง

เอาล่ะ ทีนี้ได้เวลาแกะกล่องออกมาดูกันครับว่ามีอะไรในแพ็กเกจบ้าง ภายในกล่องก็ประกอบไปด้วยตัวกล้อง true IoT CCTV Gen 2 และก็จะมีกล่องเล็กๆ อยู่เป็นฐานรอง แกะออกมาก็จะเจอคู่มือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ กับอะแด็ปเตอร์ไฟ

การติดตั้งไม่ยุ่งยากครับมันถูกออกแบบมาให้วางตั้งได้ด้วยตัวมันเองเลย แต่หากใครที่อยากจะยึดติดกับผนังหรือกำแพง ก็ต้องหาอุปกรณ์เสริมจำพวกขาตั้งกล้อง CCTV มาเสริมครับ ตัวกล้องมีเกลียวไว้ยึดแล้ว เหลือแค่หาขาตั้งกล้องมายึดกับกำแพงเท่านั้นเอง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ไม่ยาก แค่กูเกิลหาคำว่า “ขาตั้งกล้อง CCTV” ก็เจอร้านขายออนไลน์เยอะแยะแล้ว ราคาไม่แพงมาก
ข้อควรระวัง!!
ถ้าจะยึดขาตั้งกล้องจริงๆ ไม่ควรเสียบน็อตยึดกับตัวกล้องลึกเกิน 1 เซ็นติเมตร นะครับ เพราะมันอาจเกิดความเสียหายกับตัวเครื่องได้ครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน



มาดูรอบๆ ตัวกล้องบ้างว่ามีอะไรบ้างครับ ตรงตัวกล้องส่วนที่เป็นดำๆ เนี่ย มันจะมีเซ็นเซอร์อินฟราเรดอยู่ เอาไว้จับการเคลื่อนไหว แล้วก็จับความสว่างของสภาพแวดล้อมด้วย มีเลนส์กล้อง มีไมโครโฟน มีไฟแสดงสถานการณ์ทำงานของเครื่อง (เปิด/ปิด) และการบันทึกวิดีโอ แล้วก็มีปุ่มรีเซ็ตกับช่องใส่ MicroSD card กับลำโพง

ส่วนด้านหลัง จะเห็นสล็อตใส่ซิมการ์ดเป็นไมโครซิม และมีช่องเสียบอะแด็ปเตอร์อยู่ ตัวซิมที่รองรับ แน่นอนว่าใช้ได้เฉพาะค่ายทรูมูฟเท่านั้นนะครับ

ด้านใต้ของตัวเครื่อง จะมีเกลียวสำหรับยึดกับขาตั้งกล้อง CCTV แล้วก็มีสวิตช์เล็กๆ เอาไว้ปรับเลือกว่าจะให้กล้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน 3G/4G หรือ WiFi แล้วก็จะมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวกล้องอยู่ (ซึ่งจะเอาไว้ใช้ตอนเชื่อมต่อกับแอป)
ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ความสามารถในการหมุนมุมกล้องได้ และสามารถเชื่อมต่อผ่าน 3G/4G ได้ มันจึงเหมาะสำหรับการใช้ในหลากหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้นอกสถานที่
เริ่มใช้งานกันดูดีกว่า
ทีนี้ก็ถึงเวลาลองใช้งานดูครับ ผมพบว่าการติดตั้งไม่ยุ่งยากเลย แค่เสียบอะแด็ปเตอร์ แล้วกล้องก็จะงึกๆ งักๆ อยู่พักนึง หมุนไปหมุนมา แล้วก็พร้อมใช้งาน พิจารณาได้ง่ายๆ จากไฟ LED ด้านใต้ของเครื่อง พอมันเป็นสีเขียวหรือสีฟ้า ก็แสดงว่าเชื่อมต่อผ่าน 3G หรือ 4G เรียบร้อยแล้ว
ถัดมาก็คือการติดตั้งแอป True CCTV ซึ่งมีทั้งเวอร์ชัน iOS และ Android ให้ใช้ครับ ในการรีวิวนี้ ผมใช้ iPhone 8 Plus ก็เลือกโหลดเวอร์ชัน iOS มาดูครับ วิธีการเชื่อมต่อ สามารถอ่านได้จากคู่มือที่แถมมาให้ ซึ่งมีสองวิธี คือ
- null
- การเชื่อมต่อแบบ Manual โดยการกรอกข้อมูลลงไป ตามที่มีอยู่ด้านใต้เครื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย Device ID, Device password และทำการตั้งชื่อกล้องวงจรปิด
- การเชื่อมต่อแบบ Smartlink ที่จะให้เราเชื่อมต่อ true IoT CCTV Gen 2 กับ WiFi ก่อน (รองรับแต่ย่าน 2.4GHz) แล้วสมาร์ทโฟนมันจะส่งเสียงอะไรบางอย่างออกมา ให้เอาไปจ่อใกล้ๆ กับไมโครโฟนของกล้อง มันก็จะเชื่อมต่อให้
ผมใช้วิธีแบบ Manual ครับ ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ข้อมูลมันก็ให้มาเป๊ะๆ บนตัวเครื่องอยู่แล้ว แป๊บเดียวก็เชื่อมต่อเสร็จ และพร้อมใช้งาน ซึ่งผมเลือกเชื่อมต่อแบบ 4G LTE ครับ เพราะอยากทดสอบจุดเด่นของเจ้านี่ดู

ผมเชื่อมต่อกับกล้องผ่านแอป โดยตัวสมาร์ทโฟนของผมใช้เน็ตบ้าน 50Mbps/20Mbps และกล้องเชื่อมต่อกับ 4G LTE เราสามารถเลือกความละเอียดของภาพที่อยากดูได้ ผมเลือกเป็น HD 720p ก็ดูได้ไหลลื่นไม่มีกระตุกอะไร
ในการบันทึกภาพ เราสามารถไปที่ Media settings เพื่อเลือกได้ว่าอยากได้ภาพเป็นระบบ NTSC หรือ PAL แต่อยากจะบอกว่าไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของสัญญาณโทรทัศน์ครับ เราดูผ่านมือถือ ไม่ได้สำคัญอะไร
การบันทึกภาพ เราสามารถเลือกได้จาก 3 ตัวเลือก คือ
- Manual Recording เลือกบันทึกตามใจชอบ อยากบันทึกเมื่อไหร่ก็กด
- Alarm Recording เลือกบันทึกเมื่อมีการตรวจพบการเคลื่อนไหว จะเริ่มใช้งานก็ต่อเมื่อเราเปิดระบบ Security แล้ว ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะให้บันทึกภาพนานแค่ไหนเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหว
- Scheduled Recording เลือกบันทึกเมื่อถึงเวลาที่กำหนด โดยเราจะเลือกว่าจะบันทึกตั้งแต่กี่โมงกี่นาทีจนถึงกี่โมงกี่นาที
นอกจากนี้ เรายังสามารถบันทึกภาพลงไปในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเราก็ได้ ตอนที่เราเปิดกล้องดู
ในส่วนของการตั้งการเตือน ซึ่งเราต้องไปเปิด Motion Detection แล้วปรับระดับ Sensitivity ว่าจะให้ไวต่อการตรวจจับการเคลื่อนไหวมากน้อยแค่ไหน และหากตรวจพบการเคลื่อนไหว จะส่งเสียงเตือนไหม และส่งเสียงเตือนนานแค่ไหน

ตัวกล้องบันทึกภาพเป็นภาพสีเป็นหลัก แต่เมื่อแสงสว่างน้อยเกินไปมันจะตัดไปใช้โหมดถ่ายภาพกลางคืน ใช้แสงอินฟราเรดเข้าช่วย ภาพจะออกมาเป็นขาวดำ แต่ก็จะเห็นได้ชัดเจนในระยะประมาณ 10 เมตร

ตัวแอปสามารถควบคุมการทำงานของกล้องได้ ไม่ว่าจะเป็นการแพนกล้องซ้าย-ขวา หรือขึ้น-ลง และหากขยายภาพเต็มจอแล้ว เราจะสามารถทำการซูมแบบดิจิทัลได้ด้วย

นอกจากนี้ มันยังมีฟีเจอร์ในการจดจำมุมภาพที่เราแพนไปดูบ่อยๆ ได้ถึง 4 มุม ซึ่งช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนมุมกล้องไปได้อย่างรวดเร็ว
true IoT CCTV Gen 2 เป็นกล้องวงจรปิดที่ส่งสัญญาณทั้งภาพและเสียง ฉะนั้นเราจึงได้ภาพครบเครื่อง และในทางกลับกัน เราก็สามารถส่งเสียงผ่านสมาร์ทโฟนไปยังกล้องวงจรปิดได้ นั่นทำให้เวลาที่เราอยู่ข้างนอก ก็สามารถติดต่อกับคนที่บ้าน หรือที่จุดติดตั้งกล้องได้ เผื่อคนที่อยู่ตรงนั้นเราไม่มีเบอร์โทรหา
ตอนที่เราไม่อยู่บ้าน หรือ ณ ตำแหน่งที่ติดตั้งกล้อง เราก็สามารถแตะที่ไอคอนรูปกุญแจล็อก เพื่อเปิดโหมดรักษาความปลอดภัย (Security) ซึ่งนั่นจะทำให้กล้องเริ่มตรวจจับการเคลื่อนไหว และหากมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ก็จะบันทึกวิดีโอเอาไว้ แล้วเราก็สามารถกลับมาเรียกดูทีหลังได้ นอกจากนี้หากตั้งค่าเอาไว้ ก็จะสามารถให้กล้องส่งสัญญาณเตือนภัยได้อีกด้วย เสียงดังพอดูทีเดียว
จุดเด่นของ true IoT CCTV Gen 2
จุดเด่นแรกของ true IoT CCTV Gen 2 นี่ ก็คือการที่มันรองรับการเชื่อมต่อแบบ 3G/4G ครับ ดังนั้นแม้ว่าเน็ตบ้านจะเกิดปัญหาอะไร ก็จะไม่กระทบอะไรต่อการใช้งานครับ (แต่เราต้องมีแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตในซิมนะ) ใครที่ต้องการกล้องวงจรปิดไปใช้นอกสถานที่ เช่น พวก Food truck หรือร้านค้าแบบเช่าพื้นที่ ที่ต้องการความสะดวกในการติดตั้งกล้องวงจรปิด หรืออาจต้องย้ายสถานที่บ่อยๆ อะไรแบบนี้ ก็จะเหมาะมากๆ

ถัดมาคือเรื่องของความสามารถในการหมุนกล้องได้เกือบจะรอบทิศทาง ทั้งการแพนกล้องซ้ายขวา และการ Tilt กล้องขึ้นลง นั่นส่งผลให้เราสามารถใช้ true IoT CCTV เป็นกล้องวงจรปิดเชิงสังเกตการณ์ได้ เพราะสามารถปรับมุมกล้องได้ตามต้องการ
แพ็กเกจ true IoT CCTV Gen 2
กล้อง True IoT CCTV Gen 2 ที่อัดแน่นด้วยความสามารถมากมายขนาดนี้ เพียง 1,990 บาท จากปกติราคาอยู่ที่ 4,990 บาท แค่สมัครแพ็กเกจ true IoT 399 บาทขึ้นไป หรือ 4G IoT Shared Package 599 บาทไปขึ้น และชำระค่าบริการล่วงหน้า 500 บาท (ใช้เป็นส่วนลดค่าบริการรายเดือน เดือนละ 100 บาท นาน 5 เดือน) ก็จะลดค่าเครื่องเหลือเพียง 1,990 บาทเท่านั้นเองครับ แพ็กเกจนี้ใช้ได้ทั้ง ลูกค้าปัจจุบัน ลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าย้ายค่ายเลย มีติดสัญญา 12 เดือนครับผม