RealMe 2 Pro เป็นตัวเลือกสมาร์ทโฟนสำหรับคนที่อยากได้สเปกกลางๆ ใช้งานลื่นๆ แต่ไม่อยากจะจ่ายงบแพงๆ เจ้านี่มีค่าตัวที่ 6,590 บาท แต่ได้หน่วยประมวลผลระดับกลางอย่าง Snapdragon 660 และหน่วยความจำ 4GB ความจุ 64GB ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างมาก และแม้ว่าอาจไม่ตอบโจทย์คนรักความแรงสุดติ่ง แต่บอกได้เลยว่าเอาไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้นี่เหลือเฟือเลยทีเดียว
ทาง RealMe เขาให้ผมยืมเจ้านี่มายาวพอสมควร และได้เอามาลองใช้แบบจริงจังในแง่ของสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บ เล่นโซเชียลมีเดีย เล่นเกมนิดหน่อย และที่สำคัญที่สุดคือ การถ่ายรูปครับ มาดูกันว่าผมมองว่าเจ้านี่เป็นยังไงกัน

เริ่มจากเรื่องการออกแบบสมาร์ทโฟน RealMe 2 Pro
หน้าตาของ RealMe 2 Pro ผมว่าจะคล้ายกับ OPPO F9 ที่ตัดความสวยหรูแบบด้านหลังตัวเครื่องสีเลื่อมสลับลายออกไป แต่ก็ยังคงความเรียบหรูเอาไว้ด้วยดีไซน์หลังกระจกโค้งแบบ 2.5D รู้สึกว่าจะมีมาให้เลือกสามสี ภาษาชาวบ้านคือ เทาดำ ฟ้า และ น้ำเงิน ประมาณนั้น ตัวที่ผมได้มารีวิวนี่สีเทาดำครับ

ตัวเครื่องเป็นหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว FHD+ ความละเอียด 2,340×1,080 พิกเซล อัตราส่วนการแสดงผลแบบ 19.5:9 หรือพูดง่ายๆ คือ หน้าจอแบบเต็มขอบตามสมัยนิยม และแน่นอนว่าต้องมีติ่งเล็กๆ ด้วย แต่เป็นดีไซน์กล้องหน้าแบบหยดน้ำ เหมือน OPPO F9 นั่นแหละ บอกตรงๆ ว่าเดี๋ยวนี้เห็นติ่งจนชินตาไปแล้ว พอเจอรุ่นไหนไม่มีติ่ง จอไม่ชนขอบ กลับรู้สึกว่าภาพมันไม่เต็มตาซะงั้น (ฮา) ส่วน กล้องดิจิทัลด้านหน้าของ RealMe 2 Pro ให้มาแบบความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f2.0 ครับ

ด้านหลังของตัวเครื่อง เป็นดีไซน์เรียบหรู ด้วยด้านหลังกระจก ซึ่งทำให้ผมแอบห่วงอยู่นิดๆ ว่าเอาไปใช้แบบไม่ใส่เคส มันจะเป็นรอยไหมอะไรแบบนี้ โลโก้ยี่ห้อเป็น realme อยู่ด้านล่าง และมีตัวสแกนลายนิ้วมือแบบแตะก็ใช้งานได้แล้วอยู่ในตำแหน่งที่นิ้วชี้แตะได้สะดวก และมีกล้องดิจิทัลคู่ 16 ล้านพิกเซล f1.7 กับ 2 ล้านพิกเซลที่ทำหน้าที่เป็น Depth sensor เฉยๆ และมี LED flash มาให้ดวงนึง

รอบๆ ตัวเครื่อง ก็เป็นรูไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงแบบสเตริโออยู่ด้านบน ส่วนด้านซ้ายมีปุ่ม Volume กับถาดใส่ซิม ซึ่งรองรับนาโนซิมสองซิม และสามารถใส่ MicroSD card ได้โดยไม่ต้องยอมเสียสล็อตใส่ซิมด้วย ดีงามมาก ส่วนด้านขวาเป็นปุ่ม Power เฉยๆ

ด้านล่าง เป็นลำโพงของตัวเครื่อง ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. รูไมโครโฟนสำหรับสนทนาและบันทึกวิดีโอแบบสเตริโอ และพอร์ต Micro USB 2.0 ซึ่งแอบเคืองว่า ทำไมไม่ทำเป็นพอร์ต USB Type-C มาให้ซะที
เผื่อใครไม่รู้ RealMe นี่เขาเป็นแบรนด์ที่แยกตัวออกมาจาก OPPO อีกทีครับ ดังนั้นอย่าแปลกใจเวลาที่เห็นอะแด็ปเตอร์ของมันแปะยี่ห้อ OPPO ซะงั้น (ฮา)
ว่ากันในแง่ของสเปกและการใช้งาน RealMe 2 Pro
แม้ค่าตัว RealMe 2 Pro จะแค่ 6,590 บาท แต่ RealMe ไม่ได้งกสเปกเลยนะครับ จัด Snapdragon 660 AIE Octa-core (4×2.0 GHz Kryo 260 & 4×1.8 GHz Kryo 260) พร้อมหน่วยความจำ 4GB และความจุ 64GB โดยที่ความเร็วของตัว NAND Flash ที่ใช้ก็ไม่เลวทีเดียว ลองวัดความเร็วแล้ว อ่านที่ความเร็ว 400MB/s และเขียนที่ความเร็ว 216MB/s ซึ่งบอกตรงๆ ว่า เพียงพอสำหรับการใช้งานในทุกรูปแบบของสมาร์ทโฟนเลยแหละ
ในการใช้งานจริง ผมเอา RealMe 2 Pro นี่ไปตะลุยทริปฮ่องกงเมื่อต้นเดือนธันวาคมมาครับ สิ่งเดียวที่ไม่ได้ลองอย่างจริงจังคือ การใช้งานในฐานะโทรศัพท์มือถือ (ฮา) แต่ใช้งานในฐานะสมาร์ทโฟนได้จริงจัง ทั้งการท่องเว็บ เล่นโซเชียล เล่นเกม เอามันมานำทางเป็น Navigator รวมไปถึงการถ่ายรูป

ขอเริ่มจากฟีเจอร์ที่กลายมาเป็นพื้นฐานของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันอย่างการปลดล็อกหน้าจอด้วยลายนิ้วมือ และการปลดล็อกด้วยใบหน้าก่อนครับ การตั้งค่านี่แบบง่ายมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการให้จดจำลายนิ้วมือหรือใบหน้า ทั้งคู่ทำงานได้ดี ปลดล็อกหน้าจอได้ไวมาก แต่ในส่วนของการปลดล็อกด้วยใบหน้านั้น เนื่องจากใช้แค่เซ็นเซอร์กล้องหน้าในการปลดล็อก ไม่ได้มี IR sensor ในการสแกน (ด้วยข้อจำกัดของการดีไซน์กล้องหน้าแบบหยดน้ำ) ส่งผลให้มีข้อจำกัดบางอย่าง หากไปใช้ในที่สภาพแสงน้อย หรือย้อนแสงหนักๆ
RealMe 2 Pro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 อิงพื้นฐานบน Android 8.1.0 และได้รับ Security patch level เป็นวันที่ 5 พฤศจิกายน 2018 ใหม่กว่าอัพเดตของ Vivo X21 ล่าสุดของผมนิดนึง ใครที่ใช้ OPPO ย้ายมาเป็น RealMe 2 Pro นี่ไม่ต้องห่วง เหมือนกันเป๊ะครับ ต่างกันแค่ชื่อยี่ห้อ (ฮา)

ผมชอบ RealMe 2 Pro ตรงที่ให้เราเลือกปิด Navigation bar ดั้งเดิมของ Android ลงไปได้ แล้วเปลี่ยนมาใช้ Gesture ในการ Back, Home หรือ Recent Apps ในสไตล์ของ iPhone X แทน ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวของผม มันใช้สะดวกกว่า และปุ่มต่างๆ บน Navigation bar มันก็จะไม่มาเกะกะตาด้วย แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่ไม่ได้บังคับให้ต้องใช้ Gesture ไปเลย เพราะสำหรับบางคนที่ไม่ถนัดอะไรแบบนี้ (เช่น แฟนผม ที่คุ้นกับปุ่มแบบเดิมๆ เพราะยังใช้ Note FE อยู่ ไรงี้) ถ้าต้องให้มาหาทางเปลี่ยนกลับไปใช้ Navigation bar แบบเดิมคงไม่งาม
การใช้งาน ผมว่าลื่นดีทีเดียวครับ ไม่รู้สึกว่าแตะ หรือลาก อะไรก็ตามแล้วติดหน่วงให้รำคาญใจ ส่วนนึงก็มาจากหน้าจอสัมผัสที่โอเค อีกส่วนนึงผมว่าเป็นเพราะเลือก NAND Flash ที่ค่อนข้างเร็วดีด้วยแหละ

สำหรับคอเกมแล้วประสิทธิภาพของ RealMe 2 Pro ก็เป็นปัจจัยนึงที่ทำให้เจ้านี่น่าสนใจ เพราะ Snapdragon 660 AIE และ GPU Adreno 512 มีประสิทธิภาพแรงพอที่จะเล่นเกม ROV ที่โหมดเฟรมเรทสูง 60fps ได้ด้วย

นอกจากนี้ ในแอป Game Space มันก็เข้ามาช่วยบริหารจัดการเกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ Optimize ตัว Game engine เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม การเข้ามาช่วยจัดการทรัพยากรของตัวเครื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าเกมจะไหลลื่น ควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปอื่นๆ จัดลำดับความสำคัญมาที่เกมก่อน อะไรแบบนี้ คอเกมน่าจะถูกใจ
ด้านลำโพงของตัวเครื่อง เสียงดังดีใช้ได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นต้องเปิดให้เสียงดังเลยครับ แต่ถ้าเจอจังหวะเสียงกลางและสูงเยอะๆ ละก็ เปิดดังสุดนี่แสบแก้วหูอะ แต่ก็ด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนราคากลางๆ อะนะ ลำโพงก็ออกมาเป็นแบบโมโนครับ
RealMe 2 Pro ถ่ายรูปก็โอเคนะ
เดี๋ยวนี้จะไปเที่ยวไหน คนเขาพกกล้องไปสามแบบครับ คือ ถ้ารักการถ่ายภาพแบบจริงจัง ก็จะพก DSLR หรือ Mirrorless ไป ถ้าเน้นความเรียล ต้องการถ่ายภาพสลับวิดีโอ แบบเดินตะลุยอะไรแบบนี้ ก็มักจะเลือกกล้อง Action camera แบบ GoPro อะไรแบบนี้ แต่ถ้าเน้นชิลๆ ไม่อยากพกหนักมาก นึกอยากจะถ่ายก็หยิบขึ้นมา พวกนี้ก็จะพกสมาร์ทโฟนกัน
สมัยก่อน ถ้าซื้อสมาร์ทโฟนราคาประหยัดมา เวลาไปเที่ยวอยากได้รูปสวยๆ ก็อาจจะต้องทำใจพกกล้องแยกไปอีกตัวอะไรแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนราคาไม่ถึง 7,000 บาท แต่กล้องถ่ายรูปออกมาโอเคเนี่ย หาได้ไม่ยากแล้ว (ก่อนหน้านี้ผมก็รีวิว Wiko View 2 Plus ไป) และ RealMe 2 Pro ก็เป็นหนึ่งในนั้นนะผมว่า



















เสียดายว่าทริปฮ่องกงของผมนี่ฝนฟ้าไม่เป็นใจ ฟ้าฮ่องกงปิดอย่างแรง หาภาพสวยๆ ฟ้าใสๆ นี่ไม่เจอเลย ในภาพที่เก็บมาจากฮ่องกงนี่ มีภาพเดียวที่ได้ท้องฟ้าสีฟ้าเหอะ
แต่ถ้าอย่างนั้น ภาพถ่ายที่ได้จากกล้องก็เรียกว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อพิจารณาจากค่าตัวของกล้องแล้ว รายละเอียดของภาพถือว่าชัดดี ขนาของภาพก็ใหญ่ ด้วยความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซลนั่นเอง

ผมลองเล่นโหมดโบเก้ของกล้อง เสียดายว่าหาจังหวะถ่ายภาพนางแบบ (แฟน) สวยๆ ไม่มี เลยมาเล่นกับขวดน้ำมะพร้าวจากฟิลิปปินส์ขวดนี้แทนก็แล้วกัน แต่จากภาพที่ผมลองถ่ายมา ตัว Depth sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และซอฟต์แวร์ของกล้อง ถือว่าทำการตรวจจับขอบของวัตถุได้ค่อนข้างแม่นยำ แต่ถ้าไปเจอพวกเส้นผมฟุ้งๆ ก็แน่นอนว่ามีพลาดบ้างอะไรบ้าง







ในสภาพแสงน้อย ถ่ายเวลากลางคืน ถ้ามีแสงมาให้ความสว่างต่อวัตถุภายในภาพบ้าง ภาพที่ออกมาถือว่าไม่เลวนะครับ ฉะนั้นเอาไปเดินเที่ยวถ่ายภาพงานเทศกาลไฟต่างๆ ตอนคริสต์มาสหรือปีใหม่นี่ไม่น่าติดอะไรเลย แต่ตรงบริเวณที่เป็นหลอดไฟ หรือแหล่งกำเนิดแสง เวลาถ่ายติดมาในภาพ อาจจะเห็นเป็นฟุ้งๆ อยู่บ้าง

กล้องดิจิทัลด้านหน้า 16 ล้านพิกเซลของ RealMe 2 Pro ทำเอาผมแปลกใจนิดหน่อย เพราะโหมดบิวตี้ของกล้อง กลับไม่แจ่มเท่าของ OPPO ซะงั้น หรือผมคิดไปเองหว่า? ยิ่งกว่านั้นคือ ถ้าสังเกตดีๆ จะรู้สึกได้ว่า ภาพที่ออกมามันมีสัดส่วนเพี้ยนๆ ไปด้วย เล่นเอาไม่ค่อยชอบถ่ายเซลฟี่ด้วยเจ้านี่เท่าไหร่เลย
บทสรุปการรีวิว RealMe 2 Pro
ในงบประมาณไม่ถึง 7 พันบาท แถมในช่วงที่มีโปรโมชันราคาที่เศษที่หาได้ในราคา 6 พันบาทมีทอน ผมว่า RealMe 2 Pro นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก สำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์รอบด้าน ในราคาไม่แพง มันไม่ได้ดีเลิศ แต่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนงบน้อย หรือคนที่อยากหาซื้อสมาร์ทโฟนที่สเปกกำลังดี ให้พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ใช้ ตัวนี้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเช่นกัน