Wiko Thailand เขาส่งเครื่องใหม่แกะกล่องมาให้ผมลองครับ นั่นคือ Wiko View 2 Plus ตัวนี้สนนราคา 4,990 บาท แต่ให้สเปกมาค่อนข้างโอเค เน้นไปที่การใช้งานได้ราบลื่น และพร้อมทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเน็ต เล่นโซเชียล ถ่ายรูป หรือแม้แต่เล่นเกม นี่ยังไม่นับดีไซน์ที่ออกมาดูดีทีเดียวด้วยนะ
แกะกล่องออกมาแล้ว สิ่งที่เราจะได้มาในกล่องก็คือ Wiko View 2 Plus ซึ่งตัวที่ผมได้มารีวิวเป็นสี Lavender Bleen ซึ่งเหมือนจะเป็นสีที่ Wiko นิยมส่งให้บล็อกเกอร์รีวิวแฮะ … ฮา 3 … แต่จริงๆ แล้วเขามีให้เลือกสามี คือ ดำแอน ทราไซต์ (Anthracite), ทอง (Gold) และลาเวนเดอร์ บลีน (Lavender Bleen) อันนี้นี่แหละ นอกจากนี้ก็จะมี Wall charger, สาย Micro USB, หูฟัง 3.5 มม., เคสแบบ TPU และ ฟิล์มกันรอยแบบไม่เต็มจอมาให้ ก็เรียบว่ามีของมาให้ครบเครื่องดี แต่ว่าขอติสองเรื่องครับ คือ
- ไม่ติดฟิล์มกันรอยมาให้เลย แต่ให้มาติดเองครับ เพราะเหมือนไว้วางใจลูกค้าเหลือเกินว่าจะติดฟิล์มกันรอยเป็น (มันติดยากนะ รู้มั้ย?!?)
- ทำไมใช้พอร์ต Micro USB ล่ะ ผมเข้าใจนะว่าเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่ปี พ.ศ. 2561 แล้วเปลี่ยนพอร์ตมาเป็น USB-C ได้แล้ว
Wiko View 2 Plus มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 5.93 นิ้ว กับจอแสดงผลแบบ ;19:9 ความละเอียด 1,512×720 พิกเซล หรือความละเอียดระดับ HD+ จอเป็น IPS LCD ดีไซน์มีติ่งบนหน้าจอตามสมัยนิยม และกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.0
Wiko View 2 Plus ด้านหน้า จอขนาดเกือบ 6 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ อัตราส่วนการแสดงผล 19:9
Wiko View 2 Plus ด้านหลัง กล้องดิจิทัลคู่ 12 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล และตัวสแกนลายนิ้วมือ ลำโพงก็อยู่ด้านหลังนี่
ด้านบนของ Wiko View 2 Plus มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ด้านล่างของ Wiko View 2 Plus มีพอร์ต Micro USB และรูไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่ม Volume กับ Power
ถาดใส่ซิมอยู่ด้านซ้าย สามารถใส่นาโนซิมได้ 2 ซิม และมีถาดใส่ MicroSD card แยกต่างหาก
ด้านหลัง สี Lavender Bleen แบบไล่เฉดสี มันแว้บ แตะปุ๊บนี่เลอะคราบลายมือได้ง่ายมาก มีตัวสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังเหนือโลโก้ Wiko และกล้องดิจิทัลเลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash แต่ที่ขัดใจอยู่นิดหน่อยคือมีรูไมโครโฟนเล็กๆ อยู่ตรงด้านบน ซึ่งดูเด่นเป็นสง่ามาก กับดีไซน์หลังมันแว้บแบบนี้ ลำโพงของตัวเครื่องอยู่ด้านล่างนี่แหละครับ
รอบๆ ตัวเครื่อง ด้านบนมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ด้านซ้ายมีถาดใส่ซิม ด้านล่างก็เป็นรูไมโครโฟนและพอร์ต Micro USB ส่วนด้านขวาก็เป็นปุ่ม Power และปุ่ม Volume

ผมชอบดีไซน์ของตัวจิ้มซิมของ Wiko View 2 Plus แฮะ คือ ทำออกมาให้เก็บไว้ในตัวคล้องกับพวงกุญแจที่ทำมาจากยาง ทำให้เราสะดวกที่จะพกพาไปไหนมาไหนด้วย และไม่ต้องกลัวหายมาก (เพราะคล้องไปกับพวงกุญแจเลย)
หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 450 Cortex-A53 ความเร็ว 1.8GHz แบบ 8-core (แสดงข้อมูลด้วย CPU-Z)
หน่วยความจำ 3GB และความจุ 32GB (แสดงข้อมูลด้วย CPU-Z)
ความเร็วของ NAND Flash ของ Wiko View 2 Plus เร็วพอประมาณ
มองในแง่ประสิทธิภาพของ Wiko View 2 Plus เขาเลือกใช้ Qualcomm Snapdrago 450 Octa-core 1.8 GHz Cortex-A53 และมี GPU เป็น Adreno 506 มาพร้อมกับแรม 3GB และความจุ 32GB โดยเมื่อผมลองวัดความเร็วในการเขียนและอ่านของ NAND Flash แล้วได้ความเร็วอ่าน 253MB/s และเขียน 90MB/s ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวครับ แต่ดูจะเน้นไปที่ความเร็วในการอ่านพอสมควร เข้าใจว่าเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานจะได้ลื่นๆ นั่นเอง
Wiko View 2 Plus ได้ Android 8.1.0 ซึ่งเรียกว่าใหม่ทีเดียว (Security patch level คือ 1 ตุลาคม 2018 นี่คือตัวเกือบล่าสุดครับ ล่าสุดคือ พฤศจิกายน 2018) ตัว User Interface เน้นไปให้คล้ายกับ Pure Android เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะใช้งานได้ลื่นไหลอีกเช่นกัน และเท่าที่ลองใช้งาน แม้สนนราคาจะแค่ 4,990 บาท แต่ก็เล่นพวกแอปใหญ่ๆ อย่าง Facebook หรือ Twitter ได้สบายๆ โดยไม่ต้องไปใช้เวอร์ชัน Lite ให้เสียอารมณ์ครับ

ถามว่าเล่นเกมได้ไหม? ROV? PUBG? เล่นได้ครับ ถ้าไม่คาดหวังกับกราฟิกที่สูง สวยงาม ก็เล่นได้ลื่นๆ ประมาณนึงครับด้วยสเปกที่ได้มา มันไม่ใช่สมาร์ทโฟนสายเกมมิ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเล่นเกมไม่ได้ครับ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์มันก้าวหน้าไปไกลแล้ว เทียบกับเมื่อหลายปีก่อน สเปกระดับนี้มันคือเรือธงนะครับ (ฮา) อ่านเจอในรีวิวนึงที่เขาบอกว่าเหมือนจะเจอบั๊กของหน้าจอเวลาเล่น ROV ที่แตะหน้าจอบางส่วนไม่ติด ผมไม่เจอปัญหานั้นแต่อย่างไรในการรีวิวครับ
สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเจ้านี่ความสามารถเกินตัวก็คือ เรื่องกล้องดิจิทัลครับ เพราะมี User Interface ที่ใช้งานไม่ยุ่งยาก และพอให้กล้องดิจิทัลคู่ด้านหลังมา ก็สามารถทำโหมดโบเก้ (Bokeh) ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย โดยตัวเซ็นเซอร์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล นี่ให้ภาพที่คุณภาพโอเค คุ้มราคาดีมากทีเดียว สีสันของภาพ ดูมีความสมจริงกับสภาพแวดล้อมนั้นประมาณนึงเลย
ลองหยิบมาถ่ายภาพในที่ร่ม (ภายในอาคาร) ทั้งในสภาพแวดล้อมที่แสงภายในส่องสว่างดี (ภายในตึกคิงพาวเวอร์มหานคร) และแสงภายในพอประมาณ (ภายในอาคารผู้โดยสาร สนามบินดอนเมือง) ก็ได้ภาพที่โอเคทีเดียวครับ … ฉะนั้นพอจะสรุปได้ว่าถ้าสภาพแสงดี ไม่ต้องห่วงเรื่องการถ่ายภาพ
โจทย์ถัดมาก็คือ การถ่ายภาพตอนแสงน้อย เช่น ตอนใกล้ค่ำ หรือตอนกลางคืนเลย มีแสงไฟพอประมาณ (จะเอาแบบไร้แสงไฟเลยก็จะโหดร้ายต่อรุ่นราคา 4,990 บาทไป) พบว่า ซอฟต์แวร์จะพยายามปรับความสว่างให้มากขึ้น โดยยอมแลกกับความละเอียดของภาพที่ลดลงไป ซึ่งเราอาจจะไม่ทันสังเกต หากแค่โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และเปิดแบบเต็มจอปกติไม่ซูมภาพเข้าไปดูใกล้ๆ
ในภาพรวมแล้ว คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ ก็ต้องบอกว่าดีทีเดียว เมื่อพิจารณาจากราคา ในยุคที่คนเราถ่ายภาพเพื่อโพสต์แชร์เพื่อนบนโซเชียลมีเดียหรือส่งให้ญาติพี่น้องผ่าน LINE อะไรแบบนี้ แค่นี้เรียกว่าเหลือพอครับ ภาพออกมาดูสวยเกินพอจริงๆ และถ้าสภาพแสงดีๆ ละก็ เอาไปอัดภาพที่ร้านออกมาไซส์ 4R ก็ยังได้เลยครับ
บทสรุปการรีวิว Wiko View 2 Plus
สำหรับคนงบเยอะ Wiko View 2 Plus ไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกๆ ของคุณหรอกครับ เพราะนี่มันสมาร์ทโฟนสำหรับคนงบน้อย แต่สำหรับคนงบน้อยแล้ว นี่คือตัวเลือกที่ดีตัวนึง สเปกที่ดีคุ้มราคา กล้องที่ถ่ายรูปออกมาสวยดี ใช้พกไปเที่ยวได้สบายๆ เลย ใครมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่อายุเยอะแล้ว อยากได้สมาร์ทโฟนไว้คุย LINE หรือ Facebook กับเพื่อนๆ ญาติๆ นี่คือตัวเลือกที่ดีตัวนึงครับ