ถ้าถามว่าในบรรดาสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายปีนี้ รุ่นไหนผมสนใจมากที่สุดและอยากรีวิวมากที่สุด มันก็คือ OPPO Find X ครับ ด้วยเหตุผลคือเรื่องของดีไซน์ ที่ออกแบบมาให้หน้าจอเต็มขอบทั้งสี่ด้าน และกล้องหน้า-หลัง ที่ซ่อนเก็บไปไว้ในตัวเครื่องได้ ถือว่าล้ำกว่ายี่ห้ออื่นๆ เพราะออกมาวางจำหน่ายจริงเป็นตัวแรก เลยน่าสนใจว่าถ้าเอามาใช้งานจริงแล้วนั้น ประสบการณ์ในการใช้งานจะเป็นยังไงบ้าง มาติดตามอ่านในบล็อกนี้กันครับ
ประสบการณ์ในการใช้งาน OPPO Find X ครั้งนี้ ได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก OPPO Thailand โดยผมได้มีโอกาสนำไปทดลองใช้งานที่เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาแบบเต็มเหนี่ยวเกือบสัปดาห์ ได้ลองใช้จริงในฐานะสมาร์ทโฟนเลยว่างั้นครับ แต่เนื่องจากเป็นบล็อกเกอร์รายหลังๆ ที่ได้ของมารีวิว สภาพของตัวเครื่องก็แอบมีเห็นร่องรอยบาดแผลจากการรีวิวบ้างล่ะ
คอมเม้นต์ผมเรื่องดีไซน์ของ OPPO Find X
ดีไซน์ด้านหน้าเป็นจอไร้ขอบ โค้งมนตรงด้านข้างซ้ายขวา ขนาด 6.42 นิ้วแบบเต็มเหนี่ยว จอแสดงผลเป็น AMOLED ความละเอียด Full HD แบบ 19.5:9 2340×1080 พิกเซล กินเนื้อที่ 93.8% ของตัวเครื่อง ส่วนด้านหลังก็เป็นดีไซน์กระจก โค้งมน สวยงามเช่นกัน เมื่อกล้องถูกซ่อนไว้ในตัวเครื่องแล้ว รอบๆ ตัวเครื่องก็เรียบหรูดูสวยทีเดียวครับ
OPPO พยายามดีไซน์ให้ตัวเครื่อง เรียบ เนียน หรู มากที่สุด แม้ว่าจะย้ายปุ่ม Volume กับ Power ไปที่อื่นไม่ได้เพราะเดี๋ยวมันจะดูแปลกๆ แต่ก็ย้ายถาดใส่ซิมมาอยู่ด้านล่างร่วมกับ พอร์ต USB Type-C ลำโพงตัวเครื่อง ไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์ครับ
คงเพราะดีไซน์แบบใหม่นี่แหละ ทำให้พื้นที่ภายในมีไม่เยอะมาก ก็เลยออกแบบถาดใส่ซิมให้มีหน้าตาเหมือนถาดใส่ซิมเดียว แต่มันใส่ได้ทั้งสองฝั่ง ก็เลยทำให้รองรับสองซิมได้เหมือนเดิม แต่ที่ขาดหายไปก็คือ สล็อตสำหรับใส่ MicroSD card
ดีไซน์ซ่อนกล้องที่ผมว่าโคตรเท่ คือการซ่อนกล้องเอาไว้ในตัวเครื่อง แล้วให้มอเตอร์มันสไลด์กล้องขึ้นมาได้เมื่อต้องการใช้งาน ซึ่งมันจะเลื่อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติตอนที่จะสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อก หรือเปิดใช้งานแอปกล้อง และจะซ่อนกลับไปโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานเรียบร้อย

น้ำหนักตัวเครื่อง 186 กรัม ดูตัวเลขแล้วอาจจะเหมือนหนัก แต่ถ้าเทียบกับขนาดตัวเครื่องแล้ว ลองได้จับจริงๆ อยากบอกว่าเบาเอาเรื่องเลยครับ ดีไซน์กระจกหน้าหลังเนี่ย ไม่ใช่อะไรใหม่ แต่มันก็คือดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมมาโดยตลอดนับตั้งแต่ iPhone 4 แล้ว และการเพิ่มกล้องสไลด์เข้าไปนี่คือดูหรูหราไฮโซขึ้นอีกเยอะเลยครับ แต่กระจกหลังเนี่ย ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหน ใช้แล้วมันก็มีโอกาสเป็นรอยขนแมวได้ครับ เครื่องที่ผมได้มารีวิวเนี่ย เป็นสีน้ำเงิน Glacier blue แบบไล่เฉดสี สวยทีเดียว แต่ก็เหมือนผ่านศึกรีวิวมาเยอะทีเดียว รอยขนแมวเพียบเลย

ประสบการณ์ในการใช้งาน OPPO Find X เป็นยังไงบ้าง?
ก่อนหน้าที่จะไปตะลุยอเมริกา ผมได้เอา OPPO Find X มาใช้งานแทนสมาร์ทโฟนเครื่องหลักราวๆ 1-2 วันครับ เพื่อให้ได้ประสบการณ์ของการใช้งานในฐานะมือถือซักพักนึงก่อน ซึ่งเท่าที่ลองใช้งาน ก็เรียกว่ามันใช้ได้ดีทีเดียวล่ะ
ฟีเจอร์สำคัญอย่าง Face unlock เนี่ย การตั้งค่าไม่ยุ่งยาก ลองเทียบกับของ iPhone X แล้วก็เหมือนๆ กันครับ คือ สแกนใบหน้า หันหน้าไปทางซ้าย ขวา อะไรแบบเนี้ย ตามที่ระบบมันจะบอกเรานั่นแหละ

ด้วยความที่ออกแบบมาเป็นแบบซ่อนกล้องในตัวเครื่อง เลยทำให้ OPPO สามารถยัดเซ็นเซอร์ต่างต่างนานาเข้าไปได้เพียงเลยครับ เซ็นเซอร์เยอะแยะมากมายก่ายกองนี้ นอกจากเอาไว้ทำ 3D Face scan แล้ว ก็ยังสามารถเอาไว้ทำภาพโบเก้ด้วยกล้องหน้าได้ด้วยครับ

ในฐานของสมาร์ทโฟน OPPO Find X ให้ประสบการณ์ที่ดีทีเดียว ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะมันมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลระดับเรือธง Qualcomm Snapdragon 845 และ GPU Adreno 630 และในรุ่นที่ขายเมืองไทย เป็นรุ่นแรม 8GB และความจุ 256GB ด้วย ดังนั้น แม้ว่าจะใส่ MicroSD card เพิ่มความจุไม่ได้ แต่ความจุที่ให้มา มันก็เพียงพอสำหรับการใช้งานยาวๆ แล้ว
สำหรับประสิทธิภาพของ NAND Flash ที่ใช้กับตัว OPPO Find X นั้น ลองทดสอบความเร็วมาแล้วอยู่ที่ อ่าน 669MB/s เขียน 279MB/s ถือว่าเน้นที่การเขียนไม่เลวเลยที่เดียว เรียกว่าความเร็วน้องๆ SSD ระดับพื้นๆ เลยทีเดียว เป็นความเร็วระดับที่ MicroSD card หาเทียบยากมาก
OPPO Find X มาพร้อมกับแอปที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐานของ OPPO และมีลูกเล่นต่างๆ มาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดธีมมาเปลี่ยนหน้าตาของ User Interface, แอป Music Party ที่ให้ทุกคนที่ใช้แอปนี้ด้วยกัน สามารถเปิดเพลงเดียวกันพร้อมๆ กันได้ ในงานปาร์ตี้ (อันนี้นึกไม่ค่อยออกเหมือนกันว่าจะมีประโยชน์จริงๆ ยังไง ยกเว้นเพื่อนๆ ทุกคนจะเป็นแก๊ง OPPO รุ่นใหม่ๆ กันหมดอะนะ)
จุดเด่นของฟีเจอร์ของ OPPO จริงๆ น่าจะยังคงเป็นเรื่องของ Phone Manager ที่ให้เราตั้งค่าเพื่อป้องกันตนเองจากภัยคุกคามบนโลกออนไลน์ต่างๆ ได้ เช่น การอนุญาตให้แอปเข้าถึงข้อมูลต่างๆ หรือแม้แต่การสแกนไวรัส เป็นต้น และก็การมี Secured keyboard ที่เอาไว้สำหรับพิมพ์รหัสผ่านโดยเฉพาะ อันนี้เผื่อสำหรับคนที่ชอบดาวน์โหลดคีย์บอร์ดมาใช้เอง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการโดน Keylogger ในกรณีที่ดาวน์โหลดแอปมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้ใจ
ส่วนใครคิดจะซื้อ OPPO Find X มาเพื่อจะเล่นเกมโดยเฉพาะละก็ คงไม่ต้องห่วงมาก เพราะสเปกแรงขนาดนี้ เล่นเกมได้สบายๆ แหละ ยิ่งถ้าเป็น ROV นะ มีข่าวว่า Garena เขาแนะนำให้เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับการเล่นเกม ROV โดยเฉพาะนะฮะ
และสุดท้าย คือการเอามาตะลอนเดินในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทดสอบกล้องโดยเฉพาะครับ เพราะอยากได้วิวที่แปลกตาไปจากเดิมๆ ที่ปกติจะถ่ายในกรุงเทพมหานคร (ฮา) … จริงๆ ผมว่า OPPO นี่จะดวงสมพงษ์กับตอนผมเที่ยวนะ ตอนรีวิว OPPO F7 คราวก่อนก็เอาไปรีวิวที่ตุรกี งวดนี้ Find X ก็ไปนิวยอร์ก

User Interface กล้องของ OPPO Find X ก็ตามสไตล์ของ OPPO นั่นแหละครับ คือ เน้นความคล้ายคลึงกับระบบปฏิบัติการ iOS คงเพื่อให้ผู้ที่เคยใช้ iPhone มาก่อน สามารถเปลี่ยนเข้ามาเป็น Android ค่าย OPPO ได้แบบไม่ยุ่งยากนัก ฟีเจอร์หลายๆ อย่างก็คล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น Live photo, Portrait mode อะไรแบบนี้ แต่เพิ่มเติมความสามารถให้มากกว่า เช่น Pro mode หรือ AR sticker อะไรแบบนี้เป็นต้น
คุณภาพของภาพถ่าย ผมว่าซอฟต์แวร์ของ OPPO ประมวลผลออกมาให้ค่อนข้างดีครับ ในสภาพแสงที่ดีเนี่ย ภาพออกมาสวยเลยแหละ บอกตรงๆ ว่า AI camera นี่จดจำได้หลาย Scene และสามารถปรับตั้งค่าของกล้องได้เหมาะสมสำหรับสภาพการณ์เลย ที่เหลือก็แค่จัด Composition ให้ดี ให้ซอฟต์แวร์ทำหน้าที่ที่เหลือภาพออกมาแจ่มได้เลยแหละ
ในสถานการณ์ถ่ายภาพในร่ม OPPO Find X ก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวครับ ภาพออกมาสวยเลย และเช่นเคย เป็นผลงานของ AI camera อีกเช่นเคย จัด Composition ดีๆ ภาพก็ออกมาดูดีได้แล้วละครับ
การถ่ายภาพกลางคืนเป็นยังไงบ้าง? ในความเห็นผม ถ้าเกิดภายในเฟรมภาพยังมีแหล่งกำเนิดแสงที่พอประมาณ เช่น แสงไฟ ป้ายโฆษณา อะไรแบบนี้ ภาพก็ออกมาดูดีนะครับ ถือว่าได้บรรยากาศดีทีเดียว แต่ถ้าเกิดสภาพแสงมันดีไม่พอ ก็จะเห็น Noise ตรึมเลยแหละครับ … อ้อ! พยายามเลี่ยงการซูมภาพในสภาพแสงน้อยครับ เพราะนั่นจะทำให้ Noise บานเช่นกัน
AI camera ช่วยเราในการถ่ายภาพได้มากมายทีเดียว แต่ผมก็พบว่า มีบางกรณีที่มันกลับมาทำให้ภาพดูแย่ลงเช่นกันครับ (ก็หวังว่า OPPO จะมีการปรับแก้ AI นะ) เช่น เวลาที่ถ่ายภาพที่มีสีเดียวเต็มเฟรม AI มันดันไปปรับสีให้ดูจืดลงไปซะงั้น ซึ่งหากเราถ่ายวัตถุเดียวกันนี้ โดยให้มีสิ่งอื่นที่มีสีอื่นๆ อยู่ในเฟรมประมาณนึงด้วย สีสันของวัตถุจะกลับมีสีที่สมจริงกว่า ดูจากตัวอย่างภาพด้านล่างครับ
Portrait mode ของ OPPO Find X เท่าที่ผมลองใช้ (แต่ไม่ได้ลองเยอะ) ผมว่าทำงานได้ดี ตัดภาพเนียน และแม้ว่าจะเลือกระดับความเบลอของภาพภายหลังไม่ได้ แต่ก็เบลอได้ในระดับที่ผมว่า เนียนดี ดูสวย เหมาะกับการเอาไว้ถ่ายภาพบุคคลโดยมีวิวอยู่ด้านหลัง ตอนไปเที่ยวนี่สวยเลยแหละ ขนาดถ่าย Portrait mode ตอนกลางคืนก็ออกมาดูดีทีเดียว
กล้องหน้าเป็นยังไงบ้าง? กล้องดิจิทัลความละเอียด 25 ล้านพิกเซล F2.0 ก็ให้ภาพที่ผมว่าคมชัดดีครับ ไม่ได้แพ้กล้องหลังแต่อย่างใด (จริงๆ ต้องเรียกว่าทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ) จุดสำคัญคือลูกเล่นสองอย่างครับ
- AI selfie ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยในการปรับภาพใบหน้าของเราให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ โดยใช้การสแกนใบหน้าเข้าช่วย ซึ่งจะทำให้การปรับแต่งภาพใบหน้าดูเนียนมากขึ้น
- Custom Beautifying จะเป็นการสแกนใบหน้าเราเอาไว้ก่อน จากนั้นให้เราเลือกปรับในแบบที่ต้องการ (มีตัวเลือกให้แค่ 4 ตัว)
ในส่วนของ Custom Beautifying เนี่ย มันสะดวกครับ ช่วยปรับหน้าเราให้ได้ตามที่ตั้งค่าเอาไว้โดยอัตโนมัติเลย แต่มันยังมีข้อจำกัดตรงที่ ตัวเลือกในการตั้งค่ามันยังจำกัดอยู่ครับ นี่ถ้าสามารถเลือกได้หลากหลายแบบ ปรับรายละเอียดปลีกย่อยได้มากขึ้น เช่น หน้าอ้วนผอม คางสั้นยาว จมูกเรียวแบน ผิวสีต่างๆ มันจะดีงามมากมาย
ภาพจากกล้องหน้าของ OPPO Find X ก็ตามที่เห็นตัวอย่างด้านบนครับ โดยภาพรวม ถ้าเกิดไม่ย้อนแสง และสภาพแสงเหมาะสม มันถ่ายภาพออกมาได้ดีเลยแหละ เสียแต่ว่าเลนส์ไม่ใช่เลนส์มุมกว้าง ก็เลยส่งผลให้เหมาะกับการถ่ายเซลฟี่เน้นที่ตัวคนมากกว่า และด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่กล้องหน้าของ OPPO Find X มาเนี่ย ก็เลยทำให้มีลูกเล่น 3D HDR สำหรับถ่ายภาพที่มีไดนามิกเรนจ์สูงด้วย แต่เท่าที่ผมลอง มันก็มีข้อจำกัดตรงการถ่ายย้อนแสงหนักๆ ครับ ภาพออกมาดูหลอกตาไปหน่อย
แบตเตอรี่ของ OPPO Find X นี่ให้มา 3,730mAh เรียกว่าอึดประมาณนึงเลยครับ ผมลองใช้แล้ว ถ้าไม่ใช้งานโหดร้ายมากๆ แบตเตอรี่อยู่ได้รอดพ้นวันสบายๆ แต่ถึงจะแบตใกล้หมด ถ้าเรามีอะแด็ปเตอร์ที่เป็น VOOC charger และสายชาร์จที่รองรับ VOOC อยู่ด้วย มันสามารถชาร์จแบตเต็มได้รวดเร็วมาก จาก 0%-100% นี่ใช้เวลาแค่ 90 นาทีเท่านั้น และ 30 นาทีแรกก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้จาก 0%-75% แล้ว ฉะนั้นเพียงพอสำหรับเสียบจึ้กนึงแล้วใช้ต่อให้ครบวันได้สบายๆ เลยแหละ
บทสรุปการรีวิว OPPO Find X
นับเป็นครั้งแรกของ OPPO ที่ตั้งราคาสมาร์ทโฟนไปถึงแตะเกือบ 30,000 บาท แต่ OPPO Find X นี่มันเป็นเรือธงที่ควรค่าแก่ราคาของมันจริงๆ ไม่ว่าจะทั้งสเปก ประสิทธิภาพ หรือการดีไซน์ เห็น OPPO ทำสมาร์ทโฟนเรือธงแบบนี้ออกมาแล้ว ยิ่งทำให้สนใจอยากดูว่า แล้วปีหน้า OPPO จะมีอะไรมาอวดอีกจริงๆ ครับ