Skip to content
  • กว่าจะมาเป็น … นายกาฝาก
  • รู้จักนายกาฝาก
  • ติดต่อนายกาฝาก
บล็อกต๊อกต๋อยของนายกาฝาก

บล็อกต๊อกต๋อยของนายกาฝาก

บล็อกต๊อกต๋อยของนายกาฝาก

บล็อกต๊อกต๋อยของนายกาฝาก

  • ข่าว
  • รีวิว
  • แบ่งปันความรู้
    • บทวิเคราะห์
  • บทความ How-to
    • QNAP User Guide
    • QNAP NAS 101
    • How-to อื่นๆ
  • Living with Ubuntu
  • บ่นเรื่อยเปื่อย
  • เที่ยวไปทั่ว
    • ไทย
    • เอเชีย
    • ยุโรป
  • ข่าว
  • รีวิว
  • แบ่งปันความรู้
    • บทวิเคราะห์
  • บทความ How-to
    • QNAP User Guide
    • QNAP NAS 101
    • How-to อื่นๆ
  • Living with Ubuntu
  • บ่นเรื่อยเปื่อย
  • เที่ยวไปทั่ว
    • ไทย
    • เอเชีย
    • ยุโรป
ข่าวเขาฝากมา
  • เวสเทิร์น ดิจิตอล ยกทัพ SSD แบบพกพาความจุเต็มพิกัดทุกแบรนด์ในตระกูลออกจำหน่าย พร้อมนำเสนอทางเลือก SSD แบบพกพาความจุสูงถึง 4TB ที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งานทั่วไปและระดับโปรเฟสชันนัลในยุคที่สตอเรจจำเป็นต้องเร็วและมีความทนทาน
  • realme จัดแคมเปญ ‘Empower The Next Gen’ เสริมพลังขับเคลื่อนคนรุ่นใหม่ เปิดพื้นที่โชว์ 4 ศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัด
  • ชี้เป้าสมาร์ทโฟน 5G สุดคุ้ม “Galaxy A42 5G” จากซัมซุง เร็วแรงพร้อมลุยทุกการใช้งาน ในราคาหมื่นต้น!
  • ดีแทคจับมือยารา เปิดตัว Kaset Go เครือข่ายดิจิทัลชุมชนเพื่อเกษตรกรแห่งแรกในประเทศไทย
  • อาร์ทีบีฯ ส่งแพ็กคอนเทนต์ครีเอเตอร์!!! ชุดหูฟัง ATH-M40x พร้อมไมโครโฟน ATR2500X-USB ของ Audio-Technica ราคาสุดคุ้มเอาใจผู้ผลิตคอนเทนต์
  • เวสเทิร์น ดิจิตอล เปิดตัว WD_BLACK SN850 NVMe SSD มอบอีกขั้นของความเร็วแรงบนเทคโนโลยี PCIe® GEN4 รุ่นใหม่
Home>>รีวิว>>รีวิว COWAROBOT ROVER ความริเริ่มในการทำ กระเป๋าเดินทาง ที่แท้จริง
COWAROBOT ROVER แนวคิดของกระเป๋าเดินทางที่แท้ทรู ออกแบบมาให้สามารถเคลื่อนที่ตามตัวเราได้โดยอัตโนมัติ
รีวิว

รีวิว COWAROBOT ROVER ความริเริ่มในการทำ กระเป๋าเดินทาง ที่แท้จริง

นายกาฝาก
กันยายน 25, 2018 2323 Views1

COWAROBOT ROVER แต่เดิมชื่อว่า COWAROBOT R1 เป็นแนวคิดของการทำกระเป๋าเดินทางอัจฉริยะ ที่มาระดมทุนกันบน Crowdfunding อย่าง Kickstarter และ Indiegogo เมื่อหลายปีก่อนครับ โดยสัญญากันว่าจะส่งมอบกันได้เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 แต่เอาเข้าจริงๆ กว่าผมจะได้ตัวที่แบ็กเอาไว้ ก็ปาเข้าไปเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมานี่แหละ แต่พอได้มาแล้ว ผมก็ไม่รอช้านะ ที่จะหาโอกาสลองใช้งานจริงๆ เพื่อจะได้มารีวิวให้ได้อ่านกัน ว่ากระเป๋าเดินทางที่แท้ทรูนี้ มันเวิร์กหรือไม่เวิร์กยังไงกันแน่

ก่อนอื่น อยากให้ดูวิดีโอที่ผู้พัฒนาเขาทำขึ้นมาเพื่อโปรโมตโครงการก่อนนะครับ จะเห็นว่ามันมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายๆ อย่างเลยครับ

ถ้าจะให้ผมสรุปแล้วละก็ ฟีเจอร์เด่นๆ ที่สัญญากันไว้ในวิดีโอนี้ จนทำให้หลายๆ คน รวมถึงผม ตัดสินใจแบ็กเจ้ากระเป๋าเดินทางอัจฉริยะอันนี้ (ตอนผมแบ็กนี่คือราคา $449 หรือประมาณ 15,000 บาท ณ ตอนนั้น) ไม่รวมค่าส่ง ซึ่งพอรวมแล้วก็ตกราวๆ สองหมื่นบาทอ่ะครับ) ก็คือสิ่งเหล่านี้

  • ระบบเคลื่อนที่อัตโนมัติตามเจ้าของกระเป๋า พร้อมเซ็นเซอร์ป้องกันการหล่นในกรณีที่เจอพื้นที่ต่างระดับ และสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เอง
  • ฟีเจอร์ Find Me แตะที่ตัว Smart bracelet ปุ๊บ เจ้า COWAROBOT R1 ก็จะวิ่งมาหาเราได้เอง
  • แบตเตอรี่สามารถถอดออกมาเป็นพาวเวอร์แบงก์ได้ และมีพอร์ต USB-A เอาไว้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์ต่างๆ
  • ระบบล็อกอัจฉริยะ ล็อกด้วยรหัส 3 ตัว (เหมือนพวกกระเป๋าทั่วไป) แต่เพิ่มเติมด้วยการปลดล็อกอัตโนมัติด้วย Smart bracelet หรือแอปบนสมาร์ทโฟน
  • ช่องเก็บของพิเศษด้านหน้า ที่เอาไว้สำหรับเก็บพวกโน้ตบุ๊ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้เปิดหยิบออกมาผ่านจุดเอ็กซ์เรย์ได้ง่ายๆ
  • ระบบเตือนหากเจ้าของกระเป๋าอยู่ห่างจากกระเป๋าเกิน 2 เมตร ตัว Smart bracelet จะสั่นเตือน และมีระบบ GPS สำหรับติดตามกระเป๋า ซึ่งให้เราเช็กพิกัดที่อยู่ของกระเป๋าได้ผ่านแอปบนสมาร์ทโฟน

แต่ว่าตัว COWAROBOT R1 ที่ออกแบบมาในตอนแรก กับตัวที่ส่งมอบเนี่ย มีการเปลี่ยนแปลง มีดีไซน์ใหม่ แล้วทางผู้พัฒนาก็เรียกว่าเป็น Roverแทนครับ

หยิบ COWAROBOT ROVER มาดูว่ามีอะไรบ้าง

การส่งมอบ COWAROBOT ROVER มีเรื่องฉุกละหุกเยอะมากเหอะ ตัวผู้พัฒนาเขาสัญญาจะให้แบตเตอรี่มาสองก้อน เพื่อเป็นการชดเชยที่ส่งมอบช้า(มาก) แต่เอาเข้าจริงๆ การส่งตัว COWAROBOT ROVER มันมาได้กับกับแบตเตอรี่แค่ก้อนเดียวเท่านั้น ก้อนที่สองส่งมาไม่ได้ ความจุรวมมันเกิน (ฮ่วย)

สิ่งที่มาพร้อมกับแพ็กเกจ ก็มี

  • ตัว COWAROBOT ROVER พร้อมกับถุงคลุมกันฝุ่น
  • แบตเตอรี่ความจุ 6,400mAh พร้อมสายชาร์จ ซึ่งเป็นแบบเฉพาะ และหัวแปลงสำหรับปลั๊กแบบต่างๆ
  • ตัว Smart bracelet พร้อมกับที่ชาร์จแบตเตอรี่ของมัน ซึ่งก็เป็นแบบเฉพาะอีกเช่นกัน และมีสาย Micro USB อีกเส้น
  • แพ็กเกจซองพลาสติกสำหรับเอาไว้จัดระเบียบสิ่งของที่จะใส่ลงในตัวกระเป๋าเดินทาง
  • คู่มือการใช้งาน

 

แบตเตอรี่เป็นแบบถอดออกเอาไปทำพาวเวอร์แบงก์ได้ ติดตั้งไม่ยาก
แบตเตอรี่เป็นแบบถอดออกเอาไปทำพาวเวอร์แบงก์ได้ ติดตั้งไม่ยาก

ในการเริ่มต้นใช้งาน ก็ต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อน แล้วก็เอาไปติดตั้งกับตัวกระเป๋า ซึ่งการติดตั้งไม่ยากครับ ใครงงก็อ่านคู่มือเอา ไอ้ตัวสวิตช์เครื่องหมาย -/O ที่เห็นด้านซ้ายนั่นมันคือตัวล็อกแบตเตอรี่ครับ ส่วนสวิตช์เปิดใช้งานกระเป๋าอ่ะ มันอยู่ด้านขวา

ด้านในของ COWAROBOT R1 มีตาข่ายกันทั้งสองฝั่ง เพื่อใช้คุมของที่ใส่ไว้ในกระเป๋าไม่ให้หลุดออกมา
ด้านในของ COWAROBOT ROVER มีตาข่ายกันทั้งสองฝั่ง เพื่อใช้คุมของที่ใส่ไว้ในกระเป๋าไม่ให้หลุดออกมา

ดีไซน์ของ COWAROBOT R1 จะแตกต่างจากกระเป๋าเดินทางปกติตรงที่มันออกแบบให้ทั้งสองฝั่งใส่ของได้แบบเต็มๆ โดยไม่มีช่องซิปเลย (ปกติฝั่งนึงมันจะเป็นช่องซิป) และถ้าไม่ได้ใส่ของหนักอะไรมาก ใส่แต่พวกเสื้อผ้า นี่แทบไม่ต้องวางกระเป๋านอนลงเลยนะ เปิดแบบแนวตั้งได้เลย ซึ่งการมีสี่ล้อเป็นอิสระจากกัน มันทำให้การเปิดแนวตั้งสะดวกมาก ถ้าจะใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ แนะนำให้เอาสิ่งของต่างๆ จัดเก็บในพวกกระเป๋าจัดระเบียบสำหรับเดินทางครับ

ที่หายไปจากที่โฆษณาของโครงการนี้ก็คือ ช่องเก็บของด้านหน้าที่ให้เราเปิดง่ายๆ เวลาจะผ่านเอ็กซ์เรย์ครับ แอบเสียดายมาก เพราะนั่นคือฟีเจอร์สำคัญสุดๆ ที่ผมอยากได้มาก

ลองใช้งานจริงเป็นยังไงบ้าง COWAROBOT ROVER จะมีติดขัดตรงไหน?

ขนาดของ COWAROBOT ROVER คือกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากขนาด 20 นิ้ว หรือพูดง่ายๆ คือ ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่ยังสามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้ ไม่ต้องโหลดใต้เครื่อง โดยเจ้านี่มีขนาด กว้าง×ยาว×สูง อยู่ที่ 21×38×55 เซ็นติเมตร ซึ่งมีขนาดอยู่ในช่วงที่สายการบินส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะกรณีที่บินระหว่างประเทศ) ยอมให้พกติดตัวขึ้นเครื่องไปได้​ (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บ Skyscanner.co.th) แต่ในกรณีของสายการบินในประเทศนั้น ไทยไลอ้อนแอร์ กับ กานต์แอร์ ดูจะเป็นสองสายการบินที่อนุญาตให้เอากระเป๋าขึ้นไปได้ แต่ต้องไซส์เล็กกว่านี้

COWAROBOT ROVER ใช้งานในแบบกระเป๋าลากปกติได้ มันก็จะเหมือนกับกระเป๋าล้อลากแบบสี่ล้อ ขนาด 20 นิ้ว
COWAROBOT ROVER ใช้งานในแบบกระเป๋าลากปกติได้ มันก็จะเหมือนกับกระเป๋าล้อลากแบบสี่ล้อ ขนาด 20 นิ้ว

เราไม่สามารถเอา COWAROBOT ROVER โหลดใต้เครื่องไปทั้งแบบนี้ได้นะครับ เพราะมันมีแบตเตอรี่อยู่ในตัว ถ้าเราจะเอาโหลด ก็ต้องถอดแบตเตอรี่ออกมาพกขึ้นเครื่องแยกต่างหากไป แต่ผมอยากบอกว่าไม่ควรโหลดใต้เครื่องไปเด็ดขาด เพราะเจ้านี่มันจะมีเซ็นเซอร์อยู่ตรงคันลาก ซึ่งหากโดนเอาไปโยนไปมาเนี่ย มีโอกาสพังเอาง่ายๆ นะ

ที่เสี่ยงเอาการอยู่ก็น่าจะเป็นเรื่องน้ำหนัก เพราะส่วนใหญ่เขาจะให้เอาขึ้นเครื่องไม่เกิน 7-10 กิโลกรัม แต่เจ้ากระเป๋านี่ก็ปาเข้าไป 5.5 กิโลกรัมแล้ว (ตามสเปกที่เขาให้มาในคู่มือ) ใส่แบตเตอรี่ก็เพิ่มไปอีก 0.5 กิโลกรัม สรุปแล้วก็ 6 กิโลกรัมแล้ว ก็คงใส่ได้แค่เสื้อผ้านิดๆ หน่อยๆ ทำให้น้ำหนักไม่ถึง 7 กิโลกรัม ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเราก็ต้องพกกระเป๋าเป้เพิ่มอีกใบ?

ตัวล็อกของ COWAROBOT ROVER เป็นแบบ TSA-compliant

หนึ่งในวิธีปลดล็อกคือ การเอา Smart bracelet ไปจ่อไว้ใกล้ๆ

ไฟ LED สีต่างๆ จะบอกสถานะของการล็อกของกระเป๋า

ตัวล็อกของกระเป๋า เป็นแบบ TSA-compliant ฉะนั้นการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และอีกหลายๆ ประเทศ ก็หมดห่วง สามารถปลดล็อกได้สามวิธี คือ การใช้ Smart bracelet ไปจ่อใกล้ๆ แล้วก็จะสามารถเปิดกระเป๋าได้เลย หรือจะสั่งผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนก็ได้ อีกวิธีนึงก็คือวิธีดั้งเดิม คือ หมุนรหัสล็อกให้ถูกต้อง เป็นวิธีที่ใช้กรณีที่ไม่ได้เปิดใช้งานระบบของ COWAROBOT R1

 

บานพับของกระเป๋า COWAROBOT ROVER ดูแข็งแรงทนทานดี
บานพับของกระเป๋า COWAROBOT ROVER ดูแข็งแรงทนทานดี

เบื้องหลังการทำงานของโหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ ก็คือเซ็นเซอร์ภาพ 4 จุดที่อยู่แถวๆ ตรงด้ามจับ กับเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว ที่ตรงตัวด้ามคันลากครับ ตอนแรก จากวิดีโอที่ทีมผู้พัฒนาเขาโชว์ให้ดู ผมนึกว่ามันใช้ Smart bracelet ในการบอกว่าเราอยู่ที่ไหน (สังเกตได้จากฟีเจอร์ Find me) ในขณะที่ใช้เซ็นเซอร์ภาพเพื่อตรวจจับสิ่งของรอบตัวแล้วหลบหลีก

ตรงคันลากเนี่ย มันจะมีเซ็นเซอร์เป็นกล้อง 4 ตัว รอบทิศทาง

ตรงคันลากเนี่ย มันจะมีเซ็นเซอร์เป็นกล้อง 4 ตัว รอบทิศทาง

ดึงคันลากออกมาให้สุด จะเห็นเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวอีกชุด อยู่หน้าและหลัง

ดึงคันลากออกมาให้สุด จะเห็นเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวอีกชุด อยู่หน้าและหลัง

แต่ชีวิตจริงดูจะไม่ใช่แบบนั้นครับ Smart bracelet ไม่ได้มีหน้าที่อะไรมากไปกว่าเอาไว้สั่งการตัว COWAROBOT ROVER (เช่น เปิด/ปิด โหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ) หรือเอาไว้แจ้งเตือน (เช่น ไม่สามารถเริ่มใช้โหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติได้ หรือ เราอยู่ห่าง COWAROBOT ROVER มากเกินไป เป็นต้น)

ในคู่มือ มันให้เราเริ่มใช้โหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ โดยอยู่ห่างจากเซ็นเซอร์ไม่เกิน 50 เซ็นติเมตร

ในคู่มือ มันให้เราเริ่มใช้โหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ โดยอยู่ห่างจากเซ็นเซอร์ไม่เกิน 50 เซ็นติเมตร

แต่จากการลองใช้งานพบว่า ตอนที่จะเริ่มใช้โหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ ควรจะนั่งยอมๆ เปิดใช้ จะชัวร์กว่า

แต่จากการลองใช้งานพบว่า ตอนที่จะเริ่มใช้โหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ ควรจะนั่งยอมๆ เปิดใช้ จะชัวร์กว่า

การเปิดใช้งานฟีเจอร์เคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติเนี่ย ทำได้ด้วยการกดปุ่มตรงคันลาก หรือไม่ก็กดปุ่มบน Smart bracelet ก็ได้ ในคู่มือเขาบอกแค่ว่าตอนเปิดใช้งาน ให้อยู่ห่างจากเซ็นเซอร์ 50 เซ็นติเมตร โดยต้องดึงคันลากขึ้นมาให้สุดก่อน (เพราะมันมีเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวอยู่ด้วยน่ะ) ซึ่งในรูปตัวอย่าง ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เปิดใช้งานได้

แต่จากที่ลองใช้งานจริงดู ถ้ายืนเปิดใช้งานมันจะมีโอกาสที่เปิดใช้งานไม่ได้ราวๆ 50%-60% ครับ แต่ถ้าเกิดนั่งยองๆ แล้วค่อยเปิดใช้งาน มันจะใช้งานได้ 100% เลย พอกดปุ่มเปิดโหมดนี้ปุ๊บ ล้อขับเคลื่อนก็จะเลื่อนลงมาโดยอัตโนมัติเลยครับ

ล้อยางขับเคลื่อน ที่จะเลื่อนลงมาโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานโหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ
ล้อยางขับเคลื่อน ที่จะเลื่อนลงมาโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานโหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติ

ลองใช้งานโหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติดูครับ เดินจากหน้าลิฟต์ไปที่ห้องพัก จะสังเกตได้ว่า COWAROBOT ROVER นี่สามารถเดินตามเราได้สบายๆ เพราะสเปกบอกเอาไว้ว่าเจ้านี่สามารถวิ่งได้ที่ความเร็ว 7.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นระดับเดินเร็วๆ ประมาณนึงเลย เจ้านี่สามารถเลี้ยวตามเราได้สบายๆ และเมื่อเราอยากจะให้กลับมาที่โหมด Manual อีกครั้ง ก็แค่เอามือไปวางปิดเซ็นเซอร์ที่อยู่ด้านบนของคันลาก แค่นี้ล้อขับเคลื่อนก็จะถูกเก็บโดยอัตโนมัติ

ตามแนวคิดของ COWAROBOT ROVER แล้ว แม้จะต้องถือของเต็มมือ ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ตามเราเองได้สบายๆ มันควรจะเป็นแบบนั้นครับ แต่ว่าเอาเข้าจริงๆ ผมกลับพบว่ามันมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง เช่น อยู่ดีๆ มันก็เลิกเดินตามเราซะเฉยๆ งี้ หรือพอไปเจอสิ่งกีดขวางหรือมีคนเดินเฉียดมาใกล้ๆ มันก็หยุดตามเราไปซะงั้น (ทั้งๆ ที่ในวิดีโอ Field test ของผู้พัฒนา มันก็แสดงให้เห็นว่า แม้คนจะพลุกพล่าน เจ้านี่ก็ยังทำงานได้ดีอยู่)

ทั้งหมดนี่ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะมันไม่ได้ติดตามเราจาก Smart bracelet แต่เป็นการ “จดจำ” รูปร่างของเราด้วยเซ็นเซอร์ภาพ และเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามเรา ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวมากกว่า บอกตรงๆ ว่า ผมไม่เห็นว่ามันจะหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้โดยอัตโนมัติแต่อย่างใด และที่สำคัญที่สุดคือ ด้านใต้ของตัว COWAROBOT ROVER มันก็ไม่ได้มีเซ็นเซอร์อยู่ ฉะนั้น มันจึงไม่สามารถป้องกันกระเป๋าตกบันได้ หรือตกจากพื้นที่ต่างระดับได้นะครับ

ตามแนวคิดของ COWAROBOT ROVER แล้ว แม้จะต้องถือของเต็มมือ ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ตามเราเองได้สบายๆ

ตามแนวคิดของ COWAROBOT ROVER แล้ว แม้จะต้องถือของเต็มมือ ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ตามเราเองได้สบายๆ

ตามแนวคิดของ COWAROBOT ROVER แล้ว แม้จะต้องถือของเต็มมือ ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ตามเราเองได้สบายๆ

ตามแนวคิดของ COWAROBOT ROVER แล้ว แม้จะต้องถือของเต็มมือ ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ตามเราเองได้สบายๆ

ผมยังไม่ได้ลองในหลายๆ กรณี แต่ที่ผมลองตอนเดินอยู่ในโรงแรมอมารี หัวหิน (คนดูกันแบบงงเลย ว่ากระเป๋าอะไร เคลื่อนที่เองได้) ผมพบว่ามีหลายเคสเลยที่กระเป๋าอยู่ๆ ก็หยุดเดินตามงี้ หรือเริ่มใช้งานโหมดเคลื่อนที่ตามตัวอัตโนมัติไม่ได้ เพราะดันมีคนอยู่ใกล้ๆ ด้วยเวลาเปิดใช้งานงี้ ปัญหาเยอะอยู่

อีกโหมดนึงที่น่าสนใจก็คือ โหมดควบคุมระยะไกล ที่ให้เราบังคับตัว COWAROBOT ROVER ผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนได้ แต่จากที่ลองเล่นดู แอปยังต้องปรับปรุงอีกเยอะนะเพราะ เพราะการควบคุมยากเอาเรื่อง และบางทีตัวควบคุมก็เอ๋อๆ อีกอ่ะ

รีวิว COWAROBOT ROVER
แอป Rover เชื่อมต่อกับ COWAROBOT ROVER แล้วก็จะสามารถดูข้อมูลหลายๆ อย่าง หรือสั่งงานบางอย่างได้

ถ้าจะใช้งาน ก็แนะนำว่าควรจะโหลดแอป Rover ด้วย เพราะมันช่วยบอกอะไรเราหลายๆ อย่างได้ เช่น ระดับแบตเตอรี่ หรือสั่งเปิด/ปิดการแจ้งเตือน ปลดล็อกกระเป๋า หรือแม้แต่การควบคุมระยะไกลที่โชว์ให้ดูบนวิดีโอด้านบนนั่นแหละ … แต่อยากบอกว่า ทั้งตัวแอปและระบบเนี่ย มีบั๊กอยู่พอสมควรและน่าจะต้องปรับปรุงอีกเยอะ แน่นอนว่าฟีเจอร์ GPS tracking ที่โฆษณาไว้ ก็ไม่มีใน COWAROBOT ROVER นี่อีกเช่นกัน

รีวิว COWAROBOT ROVER
พอร์ต USB-A สองพอร์ต อยู่ตรงบริเวณคันลาก สามารถเอาพลังไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ในการชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ได้

ในคู่มือมันบอกว่าแบตเตอรี่ของ COWAROBOT ROVER นั้น 6,400mAh สามารถทำให้มันเคลื่อนที่ได้ระยะทางราวๆ 20 กิโลเมตร (ซึ่งโคตรไกล) หรือเปิดใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง ซึ่งจากที่ผมลองใช้ ผมว่ามันไปไม่ถึง 20 กิโลเมตรหรอกครับ เพราะว่าแบตเตอรี่มันหมดไปเรื่อยๆ จากการที่เปิดทิ้งไว้มากกว่า ฉะนั้นคิดไว้แบบนี้เลยครับ เปิดใช้งานต่อเนื่องไว้ 5 ชั่วโมง แบตเตอรี่หมดแน่นอน คำแนะนำในการใช้งานของผมคือ ใช้แค่เฉพาะตอนอยู่ในสนามบินให้มันเดินตาม พอถึงเกตจะขึ้นเครื่อง ก็ปิดสวิตช์ซะ แล้วลากเอาเอง (เพราะตอนจะขึ้นเครื่อง คนมันจะเยอะ ทางมันจะแคบ ไม่สะดวกให้เคลื่อนที่เองอยู่แล้ว) แล้วค่อยมาเปิดอีกทีตอนถึงที่หมาย พอถึงโรงแรมก็ค่อยชาร์จแบตเตอรี่เก็บไว้ใช้ใหม่อีกที

สรุปแล้ว COWAROBOT ROVER ทำอะไรได้บ้างเมื่อเทียบกับที่โฆษณาเอาไว้?

เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายว่า ที่เขาโม้เอาไว้ตอนแรก กับสิ่งที่ทำได้จริงๆ มันเป็นยังไง จากที่ผมได้ทดลองใช้เอง ผมก็ขอสรุปเอาไว้ตามตารางด้านล่างนี่เลยครับ

ที่โฆษณาไว้

ที่ทำได้จริง

ระบบเคลื่อนที่อัตโนมัติตามเจ้าของกระเป๋า พร้อมเซ็นเซอร์ป้องกันการหล่นในกรณีที่เจอพื้นที่ต่างระดับ และสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เอง มีระบบเคลื่อนที่อัตโนมัติตามเจ้าของกระเป๋า แต่ทำด้วยเซ็นเซอร์ ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดได้พอสมควร และไม่มีระบบป้องกันการหล่นในกรณีเจอพื้นต่างระดับ และหลบหลีกสิ่งกีดขวางเอาไม่ค่อยได้ (มันมักจะหยุดเลย)
ฟีเจอร์ Find Me แตะที่ตัว Smart bracelet ปุ๊บ เจ้า COWAROBOT R1 ก็จะวิ่งมาหาเราได้เอง ไม่มีฟีเจอร์นี้ แต่ได้ฟีเจอร์ควบคุมระยะไกลมาแทน
แบตเตอรี่สามารถถอดออกมาเป็นพาวเวอร์แบงก์ได้ และมีพอร์ต USB-A เอาไว้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์ต่างๆ แบตเตอรี่ถอดเป็นพาวเวอร์แบงก์ได้ มีพอร์ต USB-A เอาไว้ชาร์จด้วย
ระบบล็อกอัจฉริยะ ล็อกด้วยรหัส 3 ตัว (เหมือนพวกกระเป๋าทั่วไป) แต่เพิ่มเติมด้วยการปลดล็อกอัตโนมัติด้วย Smart bracelet หรือแอปบนสมาร์ทโฟน มีระบบล็อกอัจฉริยะได้ตามที่โฆษณาเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก
ช่องเก็บของพิเศษด้านหน้า ที่เอาไว้สำหรับเก็บพวกโน้ตบุ๊ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้เปิดหยิบออกมาผ่านจุดเอ็กซ์เรย์ได้ง่ายๆ ไม่มีช่องนี้
ระบบเตือนหากเจ้าของกระเป๋าอยู่ห่างจากกระเป๋าเกิน 2 เมตร ตัว Smart bracelet จะสั่นเตือน และมีระบบ GPS สำหรับติดตามกระเป๋า ซึ่งให้เราเช็กพิกัดที่อยู่ของกระเป๋าได้ผ่านแอปบนสมาร์ทโฟน มีระบบเตือนกรณีอยู่ห่างจากกระเป๋า แต่ไม่มีระบบ GPS Tracking

บทสรุปการรีวิว COWAROBOT ROVER

ราคาเต็มของเจ้านี่ เขาว่าจะเป็น $699 (ประมาณ 23,000 – 24,000 บาท แล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยน) ก็ถือว่าเป็นกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้วระดับไฮเอนด์เลยแหละ (กระเป๋า 20 นิ้ว Samsonite บางรุ่นก็ 19,000 บาท) เพียงแต่ที่ได้เพิ่มมาคือฟังก์ชันระดับแกดเจ็ตที่พวกกระเป๋าลากแบรนด์เนมไม่มี

ถามว่ามันใช้งานได้จริงไหม? มันก็เดิมตามเราได้จริงๆ อยู่นะ เพียงแต่เสถียรภาพมันไม่ได้ตามที่โฆษณาเอาไว้นั่นเอง ยังมีจุดให้ปรับปรุงได้อีกเยอะมาก (มากๆ ด้วย) ผมเองก็ยังคิดว่าต้องเอาไปลองใช้ในอีกหลายๆ ทริป เพื่อที่จะให้แน่ใจได้ว่าอะไรบ้างที่จะเป็นข้อจำกัดของเจ้านี่ และมากน้อยขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ ตัวเวอร์ชัน Commercial ที่จะวางขายในเร็วๆ นี้ (น่าจะที่ฮ่องกง หลังจากที่ผู้พัฒนาเขาส่งมอบของให้ Backer ครบหมดแล้ว) ก็น่าจะยังไม่ได้ดีเลิศขนาดที่ใช้ได้จริงตามวิดีโอโฆษณาของเขาเป๊ะๆ ครับ

ใครที่สนใจอยากลองซื้อมาเล่น ตอนนี้เขายังไม่เปิดขาย แต่แวะไปลงชื่อแสดงความสนใจได้ที่เว็บไซต์ https://cowarobotrover.com/ ก่อนครับ

แชร์โลด:

  • Tweet
  • Print

โพสต์อื่นๆ ที่อาจสนใจ

Related tags : COWAROBOTGadgetsTravel
Share:

Previous Post

Plantronics เปิดตัว “BackBeat FIT 3100” True Wireless Sport เอาใจ Sport Lover

BackBeat Fit 3100 หูฟังแบบ True wireless สำหรับคนรักการออกกำลังกายอย่างแท้จริง

Next Post

Plextor Thailand เชิญร่วมลุ้นรางวัลสุดเอ็กซ์คูซีฟ เพียงซื้อ Plextor SSD รุ่นใดก็ได้ มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล

Related Articles

รีวิว

รีวิว Kiss Kiss Fish CC Cup กระบอกน้ำสูญญากาศ เก็บร้อน เก็บเย็น บอกอุณหภูมิได้

ซองผงโรยข้าวผสมสาหร่ายและผักกาด ตรามิชิมะ รีวิว

รีวิวผงโรยข้าวผสมสาหร่ายและผักกาด ตรามิชิมะ ซื้อจาก Daiso

รีวิว

เครื่องสูบลมอัตโนมัติแบบพกพา รุ่น YY-3609 ใช้ได้เวิร์กไหม?

รีวิว

กฎหมายแรงงานน่ารู้ อย่าให้นายจ้างเอาเปรียบ ตอนที่ 3

โต๊ะไม้ที่มีแก้วเลี้ยงต้นกระบองเพชร สมุดโน้ต ปากกา พวงกุญแจ โน้ตบุ๊กสีดำ และฮาร์ดดิสก์พกพาสีฟ้าของ WD วางอยู่บนโต๊ะ รีวิว

รีวิว WD My Passport 5TB ใหญ่สะใจ

1 Comments

  1. pop2029 พูดว่า:
    มิถุนายน 20, 2019 เวลา 12:17

    CowaRobot มีตัวแทนนำเข้ามาแล้วครับ ราคา 1x,xxx ลองเข้าไปดูที่ร้าน http://www.lazada.co.th/shop/ulka โทร 087-3622020 ไลน์ไอดี bear4pop

    ตอบกลับ

Leave a Reply Cancel reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Translate this blog

อย่าลืมกดไลค์

อย่าลืมกดไลค์

ล่าสุดบ่นอะไรไป?

My Tweets

สับตะไคร้ติดตามบล็อกของผม

ใส่อีเมลของคุณที่เพื่อสมัครเป็นสมาชิกของบล็อกนี้ และรับการแจ้งโพสใหม่ผ่านทางอีเมล

© 2001-2020 kafaak.blog | Theme By WPOperation
ประกาศเรื่องการใช้คุกกี้ในเว็บไซต์นี้
เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลการเยี่ยมชม หากยอมรับกรุณาคลิกปุ่มยอมรับด้านล่าง เพื่อยืนยันการเยี่ยมชมต่อ หากคุณไม่ยอมรับคุกกี้ ให้คลิกปุ่มปฏิเสธ แล้วเราจะนำคุณไปที่ Google.com แทน หากสงสัยว่าเราใช้คุกกี้ทำอะไร อ่าน นโยบายคุกกี้ เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม

ยอมรับ ปฏิเสธ
คำประกาศการใช้คุกกี้

Privacy Overview

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these cookies, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may have an effect on your browsing experience.
Necessary
Always Enabled

Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. This category only includes cookies that ensures basic functionalities and security features of the website. These cookies do not store any personal information.

Non-necessary

Any cookies that may not be particularly necessary for the website to function and is used specifically to collect user personal data via analytics, ads, other embedded contents are termed as non-necessary cookies. It is mandatory to procure user consent prior to running these cookies on your website.