จำได้ว่าเคยได้ยินโครงการนี้จากปากของจ่าพิชิตมานานพอสมควรแล้ว และวันก่อนจ่าพิชิตแกก็เอาปก พร้อมตัวอย่างการ์ตูน “กระปู๋แมน” มาให้ดู แน่นอนว่าไม่รอช้าครับ รีวิวเปิดเข้าเพจสำนักพิมพ์ต้นมะนาว แล้วอินบ็อกซ์ไปสั่งโดยไว โดยไม่คิดจะรอให้มันมาวางแผงในร้านหนังสือแถวบ้านเลย คือ ตั้งใจจะรีวิวหนังสือการ์ตูนที่พูดคุยกันเรื่องเพศศึกษา โดยที่ถึงลูกถึงคนแบบไม่เกรงใจไดโนเสาร์ประจำประเทศไทยกันเลยทีเดียว
ว่ากันว่าสาเหตุของการถือกำเนิดของการ์ตูนเล่มนี้คือผลจากการค้นคว้าส่วนตัวของจ่าพิชิต ที่ไปหาซื้อตำราเพศศึกษาหลายเล่มมาอ่าน แล้วพบว่าหลายเล่มที่ดังๆ เขียนเอาไว้ว่าเราไม่ควรสอนให้เด็กใช้ถุงยาง (จ่าพิชิตเขียนเอาไว้ในคำนำแบบนั้น) ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็สอดคล้องกับรายงานผลการวิจัยเพื่อทบทวนการสอนเพศวิถีศึกษาในสถานศึกษา ของยูนิเซฟ ที่พบว่า “แม้หัวข้อที่สอนจะหลากหลาย แต่พบว่าสถานศึกษาหลายแห่งเน้นสอนเรื่องเพศวิถีจากมุมมองผลกระทบด้านลบของเพศสัมพันธ์มากกว่าการพูดถึงมุมมองด้านบวก” ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว มีงานวิจัยจำนวนมากที่พบว่า หากมีการสอนเพศศึกษา (หรือเรียกแบบวิชาการคือ เพศวิถีศึกษา) แบบรอบด้าน หรือ Comprehensive Sexuality Education แล้ว จะมีแนวโน้มที่ทำให้เยาวชนมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ชะลอการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก และมีความรับผิดชอบมากขึ้น มากกว่าการสอนในแบบที่มุ่งเน้นเรื่องการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว (Haberland, 2015; Haberland & Rogow, 2015; UNESCO, 2015)
ชักนอกเรื่อง และมีสาระไปหน่อย (เล่นอ้างอิงงานวิจัยเลย) กลับมาที่ตัวหนังสือต่อ เล่มนี้หนาสองร้อยกว่าหน้า มีเนื้อหาเป็นการ์ตูนจริงๆ 221 หน้า ราคา 240 บาท ก็คิดซะว่าประมาณหน้าละบาทแล้วกัน เป็นการ์ตูน 4 สี่ซะส่วนใหญ่ คิดว่าคุ้มนะเออ (นี่ก็ยังไม่เข้าเรื่อง) ประกอบไปด้วยเนื้อหา 9 ตอน ที่พูดถึงเรื่องเพศศึกษาต่างๆ (แต่เน้นไปที่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ Sexual Transmitted Diseases: STD) เช่น หนองใน ความแตกต่างระหว่างเริมกับงูสวัด การช่วยตัวเอง การฉีดน้ำมันมะกอก และเอชไอวี เป็นต้น
ตัวพระเอก ก็จะใครซะอีกล่ะ กระปู๋แมน ตามชื่อการ์ตูนนั่นแหละครับ ดูจากหน้าปก ก็รู้สึกได้ว่าเอาต้นแบบมาจากอุลตร้าแมน (อ้ากกกกก ฮีโร่ในวัยเด็กของโพ้มมมมม) แต่พอเอามาแปลงเป็นกระปู๋แมนแล้ว ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ คงไม่ต้องให้บอกนะว่าเอาต้นแบบมาจากไหน

นี่มัน จัญไรแมน ชัดๆ 555
– รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ หรือ อาจารย์เจษฎ์
และแน่นอนว่าตัวเอกมันต้องไม่มีแค่ผู้ชายครับ เพื่อ Gender balance ก็ต้องมีตัวเอกที่เป็นผู้หญิงด้วย นั่นก็คือ ซูเปอร์หินบี (ผวน) นั่นเอง ผมห่างหายไปจากวงการการ์ตูนมานาน เลยไม่แน่ใจว่าดัดแปลงมาจากฮีโร่ตัวไหว แต่ในส่วนของการดีไซน์ คงไม่ต้องให้บอกว่าเอามาจากไหนนะ

ในส่วนของการ์ตูน มีการสอดแทรกมุกที่มาจากการ์ตูนเรื่องต่างๆ เข้าไป เช่น ที่ผมพอจะรู้จัก ก็มี ดราก้อนบอล เซเลอร์มูน โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ สตรีทไฟเตอร์ ลองไปอ่านกันเองครับ คงไม่เอามาแปะเป็นตัวอย่างให้ดู มุกพวกนี้ต้องไปอ่านเอง แต่ในระหว่างนั้นเอง ก็มีการสอดแทรกเนื้อหาข้อมูลที่เกี่ยวกับเพศศึกษา และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เข้าไปด้วย

ถามว่าแรงไหม หนังสือเล่มนี้ ผมก็ต้องขอเรียกว่า โจ๋งครึ่ม พอสมควรเลยล่ะครับ พวกหัวเก่าๆ หลายคนอาจจะรับไม่ได้ และเรียกว่าหนังสือเล่มนี้ บัดสีบัดเถลิง เลยแหละ แต่ผมกลับมองว่า หลักการสำคัญของการสื่อสารคือ การทำให้เนื้อหามันเข้าใจได้ง่ายต่อผู้รับสาร และในขณะเดียวกัน มันต้องดึงดูดความสนใจ และทำให้ผู้รับสารอยากรับรู้ด้วย เพราะหากทำมาแทบตายแล้ว แต่คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราอยากจะสื่อสารด้วย ไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะอ่าน มันก็ล้มเหลวแล้วล่ะครับ
สิ่งที่สำคัญมากๆ ของการเป็นหนังสือหรือสื่อก็คือ “ความน่าอ่าน” การเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านที่อาจจะอ่านได้ทั่วไป หรืออ่านได้เฉพาะกลุ่ม
– ผศ. นพ. ธนพันธ์ ชูบุญ
ภาควิชาสูตินรีเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ผมไม่ขอตัดสินว่าหนังสือเล่มนี้มันจะเหมาะกับวัยรุ่นและเยาวชนไทยไหม (อายุ 10-24 ปี) แต่ผมว่าเนื้อหาที่อยู่ข้างในเป็นความรู้ที่อ่านแล้วสนุก ไม่เบื่อ ซึ่งน่าจะเป็นที่ถูกใจและเข้าถึงเป้าหมายที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนไทยได้ ผมว่ามันก็คงเหมือนกับซีรี่ส์เรื่องฮอร์โมน ที่ทำให้สังคมเข้าใจเรื่องผู้ที่อยู่ร่วมกับเอชไอวีได้มากว่ามันแตกต่างจากคนที่เป็นเอดส์อย่างไร ซึ่งเป็นอะไรที่การรณรงค์ต่างๆ ทำกันแทบตายเป็นสิบปีทำไม่สำเร็จนั่นแหละ
อย่างไรก็ดี การ์ตูนเรื่องนี้จะเน้นไปที่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ดูได้จากที่ตัวร้ายเป็นองค์กรลับ STD) แต่เพศวิถีศึกษาแบบรอบด้านนั้นมันมีมากกว่าที่เห็น ผมแอบเห็นจ่าพิชิตมีการเอาเรื่องพวกนี้มาแทรกนิดหน่อย แต่ก็อย่างว่าครับ ถ้าเอาด้านอื่นๆ เข้ามา มันอาจจะกลายเป็นการ์ตูนแนวอื่นไป (ฮา) แต่ก็ยังอยากเชียร์ให้จ่าลองทำการ์ตูนตอนอื่นๆ ที่สอนเรื่องเพศวิถีศึกษารอบด้านให้ครบถ้วนขึ้นมาอีกนะ
แต่ท้ายที่สุด กระปู๋แมน ก็เป็นการ์ตูนเรื่องเพศศึกษาที่ผมว่าน่าซื้อมาอ่านสนุกๆ แล้วได้ความรู้แบบเพลินๆ ครับ บางอย่างนี่เป็นอะไรที่เราไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ