นับวันหูฟังไร้สาย คุณภาพเสียงดีๆ นี่ราคายิ่งถูกลงเรื่อยๆ นะ ราคาระดับ 1,990 บาท เนี่ย ก็สามารถหาซื้อ 1MORE iBFree ได้แล้ว และเป็นหูฟังไร้สายที่คุณภาพเสียงดีประมาณนึง แถมยังกันฝุ่นกันน้ำกระเด็นใส่ ตามมาตรฐาน iP64 ทำให้พร้อมใส่เดิน หรือวิ่งออกกำลังกายได้สบายๆ ด้วยนะ
ในยุคที่สมาร์ทโฟนเริ่มทยอยตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ออกไปบ้างแล้ว หลายๆ คนก็เลยเริ่มมองหาตัวเลือกเป็นหูฟังแบบไร้สายมาใช้งานแทน และด้วยสภาพอากาศแบบประเทศไทย ที่ถ้าไม่ร้อนก็ฝนตกเนี่ย หูฟังที่กันน้ำได้ประมาณนึงมันก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยครับ

1MORE iBFree เป็นหูฟังไร้สาย ดีไซน์แบบคล้องคอ ที่เน้นความสั้นของสาย เพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ ไม่ให้รู้สึกเกะกะ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่ตัวปุ่มควบคุมต่างๆ มันจะไปอยู่ตรงด้านขวา ข้างๆ ใบหน้าของเราครับ การกดปุ่มต่างๆ จะรู้สึกได้ว่าไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหร่

ตัวปุ่มควบคุม มันจะเป็นจุดที่มีแบตเตอรี่ และพอร์ต Micro USB เอาไว้ชาร์จแบตเตอรี่ มีปุ่มเอนกประสงค์ 3 ปุ่ม หลักๆ คือเป็น Power (ตรงกลาง) และ Volume +/- ตอนซื้อมาตอนแรกมันจะมีสติกเกอร์ปิดมาให้ แต่ตัวปุ่มเองน่ะ ไม่มีสกรีนอะไร ก็ให้แปลกใจว่าทำไมไม่สกรีนซักหน่อย (วะ) ใต้ปุ่ม Volume มันมีไฟ LED เอาไว้บอกสถานะ มันจะติดเป็นสีแดงตอนกำลังชาร์จแบตเตอรี่ และเมื่อชาร์จเต็มแล้วไฟ LED ก็จะดับ นอกจากนี้ก็มีรูไมโครโฟนด้วย เอาไว้สำหรับตอนโทรศัพท์ครับ

คอใหญ่คอเล็ก ปรับระยะความยาวของสายให้เหมาะสมได้ด้วยการรูดตัวเก็บสายครับ
ทดลองใช้งาน 1MORE iBFree
หูฟัง 1MORE iBFree เป็นแบบ In-ear ฉะนั้นจุดสำคัญในการใส่ให้สบายก็คือ ต้องเลือกตัวยางหูฟังให้เหมาะสมครับ ซึ่งในกล่องอ่ะ เขาให้ยางหูฟังแบบซิลิโคนมา 3 ขนาด (เล็ก กลาง ใหญ่) และก็มีตัวยางเกี่ยวในใบหูที่เรียกว่า Sport grip มาให้อีก 3 ขนาด (เล็ก กลาง ใหญ่ เช่นเดียวกัน) ความแตกต่างของเจ้านี่กับหูฟังยี่ห้ออื่นๆ คือ มันไม่มีหูฟังแบบเมมโมรี่โฟมมาให้

1MORE iBFree รองรับบลูทูธ 4.1 และ aptX ด้วย ฉะนั้นการใช้งานร่วมกับ Android smartphone ที่ใช้ชิป Qualcomm นี่น่าจะแหล่มสุดครับ ตัวแบตเตอรี่เขาบอกว่าสามารถสแตนด์บายได้ 240 ชั่วโมง ใช้โทรศัพท์ได้ 10 ชั่วโมง และฟังเพลงได้ 8 ชั่วโมง มีให้เลือก 4 สี คือ Vibrant red (แดง), Space gray (เทา), Aqua blue (ฟ้า) และ Apple green (เขียว) ตัวที่ผมเอามารีวิวเป็นสีเขียวครับ
ตัววัสดุที่ใช้ทำบอดี้ของหูฟังเป็นอลูมิเนียมสวยเลยแหละครับ และถ้าแอบดูด้านใน (ซึ่งทำไม่ได้ … ฮา) ไดรเวอร์จะเป็นไททาเนียมครับ ตัวซิลิโคนและ Sport grip ที่ใส่มาให้ตั้งแต่แรก มันเหมาะกับใบหูผมพอดี เลยลองใส่ดูว่าสบายหูไหม ก็ต้องบอกเลยว่าใส่แล้วสบายหูดีมาก การที่ใช้หูฟังแบบยางซิลิโคนมีจุดเด่นตรงที่มันไม่กันเสียงภายนอกออกโดยสิ้นเชิงครับ เลยทำให้เอาไปใส่วิ่งออกกำลังกายแบบ Outdoor ได้ เพราะยังได้ยินเสียงอยู่ว่ามีรถมารึเปล่า ไรงี้

ลองเอามาใช้ฟังเพลง ดูหนัง และเล่นเกมดู คุณภาพเสียงอาจจะสู้พวกหูฟังพรีเมี่ยมไม่ได้ แต่ถ้าพิจารณาจากราคาค่าตัวแล้ว ก็ต้องบอกว่าคุณภาพคุ้มราคาทีเดียวครับ ใส่ให้กระชับๆ หน่อยนะ เสียงเบสแม้ว่าจะไม่ได้ตึบๆ แต่มันก็ตอบสนองต่อย่านความถี่ต่ำได้ดีทีเดียวนะ ผมลองเอาไปฟังพวก Bass test บน YouTube แล้วโอเคทีเดียว แต่ถ้าอยากให้ได้ยินเสียงแบบเต็มๆ หน่อย ต้องเปิดความดังราวๆ 80% ขึ้นไปนะครับ ไม่งั้นเสียงมันจะหายไปบางส่วน (เพราะเบาเกินไป) ส่วนเรื่องเสียงกลางเสียงใส ผมก็ว่ามันโอเคทีเดียว
น้ำหนักของเจ้านี่ 14 กรัม เบามาก เบาระดับพวก Bluetooth headset เลยทีเดียว ใส่แล้วไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลย และเพราะสายสั้นมาก เลยไม่รู้สึกว่าเกะกะอะไรเวลาสวมใส่ และโอกาสที่จะโดนใครมาเกี่ยวจนสายหลุดจากหูก็น้อยด้วย ใส่วิ่งออกกำลังกายนี่สบายเลยครับ อย่างที่บอก มันกันฝุ่นกันน้ำกระเด็นได้ แม้ว่าจะเอามาใส่ว่ายน้ำไม่ได้ แต่ใส่ตากฝนนี่ยังได้สบายอยู่ครับ คนเหงื่อออกเยอะๆ แบบผมเนี่ยก็วางใจว่ามันจะไม่พังไปซะก่อน (ฮา)
แต่ใครที่ยังไม่คุ้นกับการที่ปุ่มคอนโทรลต่างๆ มันดันไปอยู่ด้านข้างใบหน้าของเรา ต้องยกแขนขึ้นมาปรับ ก็จะรู้สีกรำคาญอยู่นิดหน่อย ปุ่มมันก็ไม่มีสกรีนบอกซะด้วยว่าปุ่มไหนเป็นอะไร และถ้าเป็นยี่ห้ออื่น ปุ่ม Power ที่อยู่ตรงกลางมันจะมีการทำเป็นตุ่มนูนๆ ไว้นิดนึง เพื่อให้คลำบอกได้ว่าปุ่มเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหน ไอ้เจ้านี่ดันไม่ทำ บุ่ย
บทสรุปการรีวิว 1MORE iBFree
เป็นหูฟังสำหรับคนประหยัดงบ สองพันทอนสิบบาท ได้หูฟังไร้สาย คุณภาพเสียงดี ดีไซน์สวย เอาไว้ใส่ได้ทุกสถานการณ์ ใส่ระหว่างเดินทางไปเรียน ไปทำงาน หรือแม้แต่ออกกำลังกายก็ได้ ใช้ฟังเพลง ดูหนัง หรือแม้แต่เล่นเกมก็เพลินๆ สนใจอยากหาซื้อมาใช้ ไปดูได้ที่ Speed computer, Soundproof, Bkk audio, Fan page 1more Thailand, Lofe, BeTrend ในราคา 1,990 บาท นะคร้าบ